โดดงานไป x Lambretta สัมผัสงานศิลป์รอบกรุงเก่า

Lambretta

#แลมเบรตต้ากับความอาร์ต

#ชวนไปดูความสวยงามที่หลากหลายของงานศิลปะ

และต้อนรับเดือน Pride month ไปกับ Lambretta

สกู๊ตเตอร์สุดเท่ ที่จะพาเราไปสัมผัสงานศิลป์รอบกรุง

📌Pride of All Genders : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

📌‘I Need a Life Coach’ : River City Bangkok

📌 Shall I Compare Thee to a Summer’s Day? : River City Bangkok

📌People and Their World : River City Bangkok

📌Shadow Dancing :jim thompson art center

📌Evolution :Noble Play

📌Soul Salt River City :คาเฟ่สายอาร์ตที่ชวนปล่อยพลังจินตนาการได้เต็มที่

ขับสกู๊ตเตอร์ Lambretta แล้วไปชมงานศิลปะด้วยกันเลยครับ

#โดดงานไป#Lambretta

#Lambrettathailand

#แลมไปด้วยกัน#wheregugo

ทริปนี้ขับสกู๊ตเตอร์ Lambretta V200 Special สีขาว ไปชมงานอาร์ตและนิทรรศการสวยๆ กันครับ

จัดมาเน้นๆ 5 นิทรรศการ 1 คาเฟ่สายอาร์ต และ 1 Space แห่งใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจ

ไฮไลท์ 6 นิทรรศการ และคาเฟ่สุดอาร์ต
📍Pride of All Genders : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
📍‘I Need a Life Coach’ :The River City
📍Shall I Compare Thee to a Summer’s Day? :The River City
📍People and Their World :The River City
📍Shadow Dancing :jim thompson art center
📍 Evolution :Noble Play
📍Soul Salt River City :คาเฟ่ที่ชวนปล่อยพลังจินตนาการได้เต็มที่

ทริปนี้เราไปดูงานศิลปะรอบกรุงกับ Lambretta V200 special สี Lucio White ที่บอกเลยว่าสะดวกคล่องตัว และเท่มาก ทำให้การเดินทางไปในแต่ละจุดง่ายมาก สะดวกรวดเร็ว

ขับสกู๊ตเตอร์ Lambretta จะลัดเลาะไปในซอย หรือทางลัดก็สะดวกมาก ประหยัดน้ำมัน ประหยัดเวลา ดีสุดๆเลยครับ

1. Noble Play
มาเริ่มกันที่นี่เลย Noble Play อาร์ตสเปซแห่งใหม่ใจกลางกรุง อยู่แถวย่านเพลินจิต ติดรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิตเลยครับ
ที่นี่สวยตั้งแต่ทางเข้า ดูอาร์ตมาก จนต้องขอเอา Lambretta มาถ่ายรูปด้วยซะหน่อย

ที่นี่มีคอนเซ็ปต์หลักว่า Inspiration Playground เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ส่งต่อแรงบันดาลใจ โดยที่นี่จะมี
-Art Space
-มีร้านอาหาร Toby’s
-มี “Pop-Up Cafe” ให้นั่งจิบกาแฟ ชมงานศิลป์
-มี “Co-working Space” ไว้ให้เป็นพื้นที่ทำงาน พูดคุย แชร์ไอเดียด้วยนะครับ

ตรงโซน Art Space นั้น ตอนนี้จะมีนิทรรศการ Evolution’ โดยทีมศิลปิน Pichet Klunchun Dance Company ร่วมกับ noble PLAY เราก็จะได้สัมผัสกับงานศิลปะที่หลากหลาย จัดเต็มด้วยดีไซน์ แสง สี สวยงาม ถ่ายรูปเล่นเพลินมากครับ

เป็นนิทรรศการที่มีความหลากหลายมากจริงๆ มาแล้วก็เพลินใช้เวลาเดินชมอยู่นานเลยครับ

ใครยังไม่เคยมาที่นี่แนะนำให้ลองมานะครับ เป็นพื้นที่ที่มีอะไรสนุกๆหลายอย่าง ส่งต่อแรงบันดาลใจได้ดีเลยทีเดียว

ฟีลดาร์คแบบนี้ก็ให้มู้ดเท่ๆไปอีกแบบครับ

Noble Play เปิดทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:00 – 17:00 น. นะครับ ใครยังไม่เคยมาแนะนำให้มาดูด้วยตัวเองครับ มาง่ายมาก แนะนำมารถไฟฟ้า ลงสถานีเพลินจิตทางออก 5 นะครับ อยู่ริมถนนเลย

ขับสกู๊ตเตอร์ Lambretta ไปตะลุยกันต่อครับ ซึ่งรุ่น V200 Special นั้น ออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ Wonderful Retro ขับไปแล้วก็ดูคลาสสิคเข้ากับมู้ดงานอาร์ตเลยครับ

จุดหมายต่อไปเราจะไปดูงานอาร์ตกันที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ขับสกู๊ตเตอร์ Lambretta V200 special ไปกันครับ ถ่ายกับวิวระหว่างทางแถวสามย่านครับ ขับสกู๊ตเตอร์ก็จะสะดวกแบบนี้ ไปไหนมาไหนคล่องตัวมากครับ แป๊บเดียวก็ไปถึงหอศิลป์ฯแล้ว

2. นิทรรศการPride of All Genders : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ต้อนรับเดือน Pride month กับนิทรรศการความหลากหลายเท่าเทียมกันครับ

นิทรรศการนี้สะท้อนถึงความภาคภูมิใจของทุกเพศอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะรวมผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ที่นิยาม ‘ความเท่าเทียม’ ออกมาในแบบของตัวเองและส่งผ่านศิลปะในแบบต่างๆ
ใครมาชมนิทรรศการนี้จะได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ Pride month ด้วยนะครับ

นิทรรศการ Pride of ALL Genders จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ไปจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ณ ห้อง NEW GEN SPACE SPACE FOR ALL ชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) เวลา 10.00 – 19.00 น. ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทำการวันจันทร์)

ไปกันต่อครับกับสกู๊ตเตอร์LambrettaV200 Special ที่ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทางด้วยระบบเบรคแบบ CBS และดิสก์เบรกหน้า-หลัง ฟังก์ชันระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้ขับได้สนุกขึ้น

ระบบเบรกLambretta V200 Special เค้าดีนะครับ เบรกได้ทันที น้องนกก็บินหนีไปได้ไว ได้ภาพสวยๆอย่างที่เห็น

มาต่อกันที่ Jim Thompson Art Center อีกหนึ่งสถานที่ที่รวมความอาร์ต คาเฟ่ ห้องสมุด งานนิทรรศการเจ๋งๆไว้ที่นี่เลย

ที่นี่อยู่ในซอยนะครับ มีที่จอดรถ แต่เมื่อขับสกู๊ตเตอร์มาก็สะดวกดี จอดง่าย ถ่ายรูปก็ง่ายด้วย

3 นิทรรศการ Shadow Dancing :jim thompson art center
มาถึงแล้วครับ ตรงนี้เป็นโซนชั้นดาดฟ้านะครับ ขอเดินสำรวจพื้นที่ก่อนเข้าไปดูนิทรรศการกัน

ในช่วงที่ผมไปมีจัดนิทรรศการ Shadow Dancing ซึ่งตอนนี้นิทรรศการนี้น่าจะจบลงไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับ เก็บบรรยากาศมาฝากกัน

นิทรรศการ Shadow Dancing เป็นนิทรรศการชุดสงครามเย็นของหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ที่เป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดของศิลปินทั้งไทยและใต้หวันจำนวน 8 คน โดยเน้นที่บริบททางสังคมการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศไทยและใต้หวัน ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองมาจนถึงปัจจุบัน

เป็นนิทรรศการที่เต็มไปด้วยแนวคิดและแสดงผลงานของศิลปิน ในรูปแบบต่างๆ

มีโซนที่จัดแสดงถึงแสงสีเสียงของนิทรรศการนี้ด้วย

ทุกผลงานถูกสร้างสรรค์งานขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เนื้อหาจะโฟกัสที่บริบททางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของไทยและไต้หวันตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงปัจจุบัน เป็นการนำเสนอเรื่องเล่าของ “ประวัติศาสตร์กระแสรอง” ที่ชวนครุ่นคิดถึงสถานการณ์ของชีวิตและความเป็นอยู่ในโลกที่ซับซ้อน ในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เหมือนการเคลื่อนไหวในความมืด คำถามสำคัญของนิทรรศการก็คือ แล้วเราจะมองหาแสงสว่างในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ได้จากที่ไหน?

แสงสีสวยๆ ของนิทรรศการนี้ครับ

เป็นนิทรศการที่ดีมาก ที่ได้เข้ามาชมครับ ทั้งแสงสีเสียงสวยๆ นี่แทบไม่รู้เลยนะว่ากำลังสื่อถึงเรื่องราวของบริบทต่างๆทางสังคม

นอกจากที่จัดแสดงนิทรรศการแล้ว ที่นี่ยังมีคาเฟ่ และห้องสมุดด้วยนะครับ ใครชอบฟีลอาร์ตๆ ต้องแวะมาครับ

เดินชมนิทรรศการและถ่ายรูปเล่นจนทั่วแล้ว ไปกันต่อครับ

ขับสกู๊ตเตอร์ Lambretta มุ่งหน้าไปที่ The River City กันครับ

มาถึงแล้วครับที่ The River City Bangkok ที่นี่จัดเป็นศูนย์รวมนิทรรศการสวยๆ งานอาร์ตเก๋ๆ ไว้เยอะมากครับ

เดินเข้ามาก็เจอบรรยากาศแบบนี้แล้ว เป็นงานอาร์ตที่น่ารักมากครับ

4.‘I Need a Life Coach’.ใครเป็นแฟนคลับพี่โน้ส อุดม แต้พานิช ต้องมาดูนิทรรศการนี้ครับ

I Need a Life Coach ที่สะท้อนถึงว่าแต่ละคนก็มีไลฟ์โค้ชในใจ และของอุดมก็เช่นกันที่สะท้อนไลฟ์โค้ชผ่านศิลปะให้ราตีความถึงไลฟ์ค้ชในแบบของเค้า ซึ่งมีหลากหลายคาแรคเตอร์สีสันสดใส ใครมีแพลนดูเดี่ยว มาชมนิทรรศการนี้ก่อนได้นะครับ

ดูคาแรคเตอร์ไลฟ์ค้ชในแบบของพี่โน้สสิ ตีความไปได้หลากหลายมาก

ซึ่งแต่ละตัวก็มีความน่ารักมีคาแรคเตอร์ที่สะท้อนถึงความเป็นอุดม แต้พานิช ที่สดใส สนุกสนาน แล้วก็มีอารมณ์ขัน

เป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่ซ้ำกันเลยครับ เห็นแล้วอยากได้เลย น่ารัก

Need a Life Coach เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. – 24 ก.ค. ที่ RCB Galleria 2 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ทุกวัน 11:00 – 19:00 น.

5. นิทรรศการ People and Their World
นี่คือนิทรรศการภาพถ่าย ของ บอย เจตนิพัทธ์ เกษประดิษฐ์
ที่ได้รวบรวมรวมภาพถ่ายและเรื่องราวตลอด 7 ปีในการเดินทางไปสัมผัสและใช้ชีวิตอยู่กับชนเผ่าที่มีวัฒนธรรมอันน่าสนใจทั่วทุกมุมโลก กลั่นกรองออกมาจนเป็นนิทรรศการนี้ บนพื้นที่กว่า 800 ตร.ม

แต่ละรูปจึงมีเรื่องราว มีความรู้สึกที่ส่งผ่านภาพถ่ายได้อย่างดีเลยครับ

ซึ่งแต่ละภาพสะท้อนถึงประสบการณ์การเดินทาง การได้พบปะผู้คน ได้เห็นวิถีชีวิตอันแตกต่างหลากหลาย ซึ่งคุณบอยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้นสู่โลกภายนอก สร้างแรงบัลดาลใจให้ผู้ที่รับชม และเปิดให้ผู้ชื่นชอบผลงานและนักสะสมงานศิลปะจับจองภาพถ่ายภายในงาน ซึ่งจัดพิมพ์ด้วยเทคนิค Giclee ระดับ Museum Grade ในจำนวนจำกัด

เป็นนิทรรศการภาพถ่ายที่เดินดูแล้วเพลินมากนะครับ ได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างสะท้อนอยู่ในภาพถ่ายนั้นๆ

บางภาพก็แทบไม่อยากเชื่อว่าบนโลกที่เราอยู่กันนนี้ยังมีกลุ่มชนเผ่าที่เราแทบไม่รู้จักเค้าเลยอีกมากมาย

เป็นความสวยงาม ความสุข แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ที่สะท้อนผ่านภาพถ่ายจริงๆครับ

อยากให้ลองแวะมาดูกันนะครับ นิทรรศการนี้จะเปิดโลกคุณให้กว้างขึ้นอีกเยอะเลย

งานจัดแสดงวันที่ : 27 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2565
สถานที่จัดแสดง : RCB Photographers Gallery 1&2 ชั้น 2 ศูนย์การค้า River City Bangkok

ไปนิทรรศการต่อไปกันเลยครับ

6. Shall I Compare Thee to a Summer’s Day? อีกหนึ่งนิทรรศการสุดน่ารัก ที่อยากจะบอกคุณว่า “เพราะว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ไม่ใช่วันเดียวที่จะตกหลุมรัก
เรามาพูดถึงความรักในฤดูร้อนกันดีไหม?”

นิทรรศการนี้จึงเต็มไปด้วยฟีลลิ่งอบอุ่นและน่ารัก ของความรักในรูปแบบต่างๆ

รูปภาพและสีสันที่ใช้เข้ากับบรรยากาศฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี แต่เป็นฤดูร้อนที่อบอุ่นด้วยความรักนะครับ

เป็นนิทรรศการที่ทำให้เรารู้สึก Fell Good มาก

แถมถ่ายรูปมาก็น่ารักมากด้วยเช่นกันครับ
งานจัดแสดงที่ห้อง RCB Galleria 1 ชั้น 2

7. Soul Salt River City
ไหนๆก็ดูงานอาร์ตมาเยอะแล้ว มาปลดปล่อยจินตนาการสร้างงานอาร์ตในแบบของตัวเองบ้าง ที่คาเฟ่สุดอาร์ต อย่าง Soul Salt River City

เป็นคาเฟ่ที่มีทั้งเครื่องดื่ม ขนม และอาหาร รวมถึงงานศิลปะที่เราสามารถเพนต์ได้ในแบบของเราเอง

คาเฟ่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานะครับ วิวคาเฟ่ดีมาก และบรรยากาศในคาเฟ่ก็เก๋มากด้วย

ได้มีโอกาสมาลองวาดภาพเล่นแบบนี้ดูบ้างก็สนุกดีนะครับ

ใครอยากวาดรูป จิบกาแฟ ดูวิว ชมงานศิลป์ต้องมาที่นี่แล้วล่ะครับ

Lambretta

ยๆที่ที่ไม่เคยแวะมาก่อน เพราะพอขับ Lambretta ก็จอดสะดวก แวะเที่ยวง่าย ประหยัดน้ำมัน และได้ชมความสวยงามของกรุงเทพในแบบคลาสสิคด้วยครับ

Share:

Facebook
Twitter
Lambretta

Related Posts

V200 2021

104,000 บาท*

ราคา ON THE ROAD PRICE นี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)ค่าจดทะเบียน, พรบ., ประกันรถหาย

* อัตราผ่อนชำระเป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้น ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่น

The Who Lambretta mobile

The Who กับอัลบั้ม Quadrophenia แรงบันดาลใจสำคัญของชีวิตเหล่าเด็กหนุ่มบน Lambretta ผู้กำลังค้นหาตัวเอง

The Who คือวงดนตรีในปี 1964 จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นจากเด็กหนุ่ม 4 คน Roger Daltrey (ร้องนำ) / Pete Townshend (กีตาร์) / John Entwistle (เบส) / Keith Moon (กลอง) พวกเขาเป็นวงดนตรีที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของชาว Mods (Modernism) และผูกพันกับภาพของ Lambretta มากที่สุดเท่าที่วงดนตรีวงหนึ่งเคยมีมา 

The Who Lambretta 1

และความผูกพันนั้นถูกบันทึกผ่านเสียงเพลงที่ส่งต่อเป็นวัฒนธรรมจากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของวง ที่มีรูปเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นคร่อมสกู๊ตเตอร์ด้วยแฟชั่นอิตาเลียนสไตล์ Parkas ของ Mods แต่บอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่แค่ภาพเอาเท่เฉย ๆ ในบทความนี้เราจะมาเล่าเส้นทางระหว่าง The Who กับสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้กัน

The Who Lambretta 1
The Who Lambretta 2

อัลบั้ม Quadrophenia ถูกวางเพลงเอาไว้เป็นแบบที่เรียกว่า “Concept Album” สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้ มันคือการทำอัลบั้มแบบที่ทุกเพลงจะเล่าเรื่องเพียงเรื่องเดียวจากคอนเซปต์ที่ถูกวางเอาไว้ อาจจะเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้น เป็นเหตุการณ์จากประวัติศาสตร์จริง หรือเป็นอะไรก็ตาม แต่สำหรับ The Who อัลบั้มนี้คือการเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า Jimmy คนที่อยู่บนปกอัลบั้มภาพขาว-ดำที่เราเกริ่นเอาไว้ในบรรทัดก่อนหน้านี้

“Jimmy เป็นใคร ?”

จิมมี่ คือเด็กหนุ่มชาวอังกฤษที่อยู่ในกลุ่มมอเตอร์ไซต์ Mods เขาเป็นชนชั้นแรงงานหาเช้ากินค่ำ (Working-Class) จิมมี่หลงใหลในยาเสพติด ชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาท และมีปัญหากับครอบครัวตลอดเวลา โดยเฉพาะทัศนคติของพ่อแม่ที่มีต่อเขา จิมมี่ไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว

ชีวิตของจิมมี่ดิ่งลงเหวลงไปเรื่อย ๆ โดนไล่ออกจากบ้าน แถมเขายังลาออกจากงานประจำ และกลายเป็นคนหางานทำไม่ได้ จิมมี่พยายามค้นหาตัวเองและที่ทางบนโลกใบนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกแฟนสาวทิ้งเพื่อไปคบกันเพื่อนสนิท ทุกอย่างมันเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ 

The Who Lambretta 3

สุดท้ายจิมมี่จึงตัดสินใจบอกลาสกู๊ตเตอร์คันที่มีความหมายของตัวเอง และตั้งใจว่าจะปลิดชีวิตซะ ก่อนจะเปลี่ยนใจจับตั๋วรถไฟเดินทางกลับบ้านเกิดไปที่เมือง Brighton เพื่อซึมซับช่วงเวลาที่มีความสุขกับ Mods อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าทุกอย่างในชีวิตต่างปฎิเสธเขาหมดแล้ว คนที่จิมมี่เคยยึดเป็นแรงใจในชีวิตก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ จิมมี่ทำได้แต่เพียงนั่งอยู่บนโขดหินท่ามกลางสายฝน และปล่อยให้คลื่นที่กระทบกับฝั่งซัดสาดความคิดอันฟุ้งกระจาย และความทุกข์ทั้งหลายของเขาลงน้ำไปเท่านั้น …

นี่คืออัลบั้มที่จะเปลี่ยนให้ชีวิตของชาว Mods ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

The Who Lambretta 2
The Who Lambretta 4

ในปี 1979 มีหนังเรื่องหนึ่งใช้ชื่อ Quadrophenia ซึ่งแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เอาชื่อมาจากอัลบั้มในปี 1973 ของ The Who ที่เราเพิ่งเล่าเรื่องราวไปก่อนหน้า จริง ๆ แล้ว The Who เป็นวงดนตรีที่เป็นเพลงประจำของกลุ่ม Mods มานานแล้วก่อนจะปล่อยอัลบั้มนี้

Fact น่าสนใจที่เรายังไม่ได้เล่าไปในพาร์ทก่อนหน้านี้คือ ฟรอนต์แมนจอมป่วนแห่งวงบริทิชร็อกตำนานโลก Oasis อย่าง Liam Gallagher เองก็มีอัลบั้ม Quadrophenia เป็นชุดที่โปรดปราน และไม่ว่าจะสัมภาษณ์ที่ไหนเขาก็จะตอบว่าหนังที่ทำจากอัลบั้มนี้เป็นหนังโปรดตลอดกาลของชีวิตของเขาด้วย ไม่ใช่แค่นั้น ! เลียมยังมีความผูกพันกับสกู๊ตเตอร์ Lambretta ชนิดที่ว่าถ่ายรูปคู่แลมพร้อมแคปชั่น “Lam is God” และรู้อะไรมั้ย รายได้ก้อนแรกจากการที่ Oasis ทำเงินมา เลียมใช้มันไปกับการซื้อ Lambretta รุ่นปี 1954 และแน่นอน มันคือคันเดียวกันกับที่อยู่ในอัลบั้มมาสเตอร์พีซอัลบั้มหนึ่งของโลก ‘Definitely Maybe’ สตูดิโออัลบั้มแรกของวง

“ระหว่างที่ถ่ายทำปกอัลบั้มไปแล้วครึ่งทาง Liam Gallagher ได้สั่งสกู๊ตเตอร์ Lambretta มาที่กองถ่าย เพราะคอนเซ็ปต์ของการถ่ายครั้งนี้ต้องการให้มีสิ่งของส่วนตัวจากสมาชิกวงมาร่วมประกอบฉากด้วย แต่ทันทีที่ Lambretta มาถึง งานที่รอถ่ายอยู่เป็นต้องหยุดชะงัก เกิดเป็นความโกลาหลจากการที่ทุกคนกรูกันไปที่ถนนหน้าบ้าน ส่วนเลียมเองก็กระโดดขึ้นแลมขี่ออกไปทันที ส่วนผมก็ทำได้แค่ตะโกนว่า เฮ้ กลับมาก่อนพ่อหนุ่ม!!”

– Michael Spencer Jones ช่างภาพคู่ใจของวง Oasis

แต่ทว่า ตัวหนัง Quadrophenia ก็ไม่ได้ทำการยกชื่ออัลบั้มมาใช้เท่ ๆ แต่ยังเคารพความยอดเยี่ยมจากอัลบั้มนั้น โดยการเอาตัวละคร Jimmy ที่เป็นตัวละคร Concept Album ของ The Who มาเล่าเป็นหนังความยาว 2 ชั่วโมงโดยอ้างอิงจากเนื้อเรื่องในเพลงที่เล่าทั้งหมด !

The Who Lambretta 5

Quadrophenia เรื่องย่อ : ตัวหนังเล่าเรื่องการตะลุมบอนครั้งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เมือง Brighton ในเกาะอังกฤษของสองวัยรุ่นกลุ่ม Mods กับ Rocker ในปี 1960s ดำเนินเรื่องผ่านเด็กหนุ่ม Jimmy Cooper ผู้ทำงานเดินเอกสารที่ไปรษณีย์ ที่พยายามกลับไปช่วยชาว Mods ล้างแค้นให้กับอีกกลุ่มที่บ้านเกิด พร้อม ๆ กับอยู่ในช่วงวัยซึ่งกำลังตามหาตัวตน โดยมีเพียง Mods กับสกู๊ตเตอร์คู่ใจ 1967 Lambretta Li 150 Series เป็นพื้นที่ปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวของชีวิต

สำหรับชาว Mods และ Rocker นี่ไม่ใช่แค่หนังที่ทำเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หรือเป็นหนังที่เคารพอัลบั้ม Quadrophenia ประจำกลุ่มของชาว Mods เท่านั้น แต่มันคือการการบันทึกประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ของเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Mods vs Rockers on Brighton Beach (1964)” ที่มีภาพนิ่งขาว-ดำของทั้ง 2 กลุ่มยกเก้าอี้ฟาดใส่กันสุดอลหม่านบนชายหาด Brighton เป็นหลักฐานยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ถ่ายโดย Terence Spencer จาก นิตยสาร LIFE

เรื่องเริ่มต้นขึ้นในวันหยุด Bank Holiday ปี 1964 ทั้งแก๊ง Mods ที่มาพร้อม Lambretta คู่ใจ แต่งกายด้วยแจ๊คเก็ตอิตาเลียนสไตล์ Parkas ที่คุ้นเคยกันดี ในขณะที่ชาว Rocker เองก็มาพร้อมเสื้อหนังสุดเกรงขาม ที่มาพร้อม Café Racer สุดแรง ว่ากันว่าเรื่องเริ่มต้นจากการที่ชาว Mods คนหนึ่งปาก้อนกรวดไปในกลางกลุ่ม Rocker แล้วการตะลุมบอนก็เกิดขึ้น และกินเวลาไปถึง 2 วัน ! แล้วทั้ง 2 แก๊งโดนตำรวจรวบตัวเป็นร้อย ๆ คน (คิดดูสิว่าแก๊งใหญ่ขนาดไหน)

The Who Lambretta 6

แต่เหตุการณ์จริงที่ชายหาด Brighton Beach ไม่ใช่สาระสำคัญทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ แต่เป็นการเติบโตของ Jimmy Cooper ในตอนท้ายสุดของหนังต่างหาก

เราเชื่อว่าการทำหนังเรื่อง Quadrophenia ของผู้กำกับ Franc Roddam ไม่ใช่แค่เพื่อแสดงภาพหรือความเคารพต่อ Subculture ของแลมและอัลบั้มของวงที่เขารัก แต่มันคือการตกผลึกอะไรบางอย่างจากทั้ง 28 เพลง ของ The Who ด้วยมุมมองของตัวเอง และพยายามทำให้ทั้งตัวเอง ตัวละครจิมมี่ในเวอร์ชั่นของเขา และผู้คนของ Mods บน Lambretta ในช่วงเวลานั้น ได้เติบโตไปเป็นอะไรก็ตามที่ต้องการจริง ๆ อย่างที่การเลือก Lambretta เป็น แลม…บันดาลใจ ของการเลือกสิ่งที่ไม่เหมือนใครเสมอมา

The Who Lambretta แลมบันดาลใจ

ดนตรี วัฒนธรรม และผู้คน Lambretta เป็นสกู๊ตเตอร์ที่อยู่ในเรื่องราวมากมายบนประวัติศาสตร์สนุกสนานเต็มไปหมด และเสียงเพลงของ The Who ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง (ซึ่งสำคัญ) ของซีรีส์

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

Cr : https://www.unlockmen.com/lambretta-77th-anniversary-the-who-quadrophenia-lambretta/

The Pope's Exorcist mobile

จาก Subculture สู่ Pop Culture การปรากฎตัวอีกครั้งบนวัฒนธรรมหลักของ Lambretta ในภาพยนตร์เรื่อง The Pope’s Exorcist

ชื่อของ Lambretta กว่าจะถูกแปะอยู่ในวัฒนธรรมหลัก Pop Culture เป็น Scooter สัญชาติ Italian จากเมือง Milan ในภาพยนต์เรื่อง The Pope’s Exorcist สไตล์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครได้อย่างทุกวันนี้ต้องบอกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวไกลมาก และย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1947 นู่นเลย แล้วเป็นการเดินทางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียง Subculture ทางเลือกนอกกระแสคนขี่มาก่อนด้วยซ้ำ

The Pope's Exorcist 6

บทความนี้จะพาชาวเลือดกรุ๊ปแลมทุกคนไปรีแคปเส้นทางการเดินทางส่วนหนึ่งของ Lambretta ให้เห็นว่ารถจากอิตาลีคันนี้วิ่งผ่านเส้นวัฒนธรรมย่อยเข้าสู่วัฒนธรรมหลักได้อย่างไร เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ของแลมกับชีวิตของผู้คนอย่างจริงจัง ไปด้วยกัน

The Pope's Exorcist topic 2
The Pope's Exorcist 1

หมุดหมายแรกของ Lambretta ในเรื่องเล่าของเรา มาเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้กันตรงที่มาทบทวนคำศัพท์กันก่อนดีกว่า และคำเดียวที่คุณจะต้องรู้ก็คือคำว่า ‘ม็อด (Mods)’ ที่หมายถึง ‘สมัยใหม่นิยม (Modernism)’ เป็นคำซึ่งใช้นิยามคนกลุ่มหนึ่งจากเมืองผู้ดีกรุงลอนดอน (London) ในยุค 1950s ที่แน่นอนว่ามี Lambretta เป็นพาหนะเดินทาง เป็นสัญลักษณ์ และเป็นแพชชั่นของชีวิต

Mods คือกลุ่มวัยรุ่นที่ฐานะอยู่ในระดับชนชั้นกลาง มีความคิดเห็นต่างต่อบรรทัดฐานของสังคมเพื่อที่จะแสดงถึงความอิสระของตัวเอง และสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นหนุ่มสาวชาว Mods ได้ดีที่สุดคือการคัสตอม Lambretta ที่มีกระจกข้างยุบยับเต็มรอบส่วนหน้าของรถ คำถามที่ว่า “ทำไม?” คำตอบก็คือพวกเขาทำเพื่อประชดรัฐบาลอังกฤษ ณ ช่วงเวลานั้น ที่ออกกฎหมายให้ติดกระจกข้างเพิ่มอย่างน้อย 1 อัน เพราะว่าการจราจรในยุคนั้นยังไม่ได้ดีมากนัก ชาว Mods ก็จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบกับกระจกเป็น 10 อันให้ไปเลย

The Pope's Exorcist 2

กลุ่ม Mods คือเหล่าหนุ่มสาวที่ชอบปาร์ตี้ เต้นรำ ร้องเพลง ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง โดยการรับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมหลากหลายวงการ วรรณกรรม ดนตรี ศิลปะ สถาปัตยกรรม และแฟชั่นอิตาเลียนสไตล์ มาพร้อมแจ็คเก็ตยาว Parkas พร้อมสัญลักษณ์ประจำกลุ่มอย่าง ‘ธงยูเนียนแจ็ก (Union Jack)’ กับ ‘เป้าธนู’ ความโดดเด่นของ Mods ถูกนิยามได้ด้วย 3 คำ Freedom / Mobility & Style ซึ่งแปลรวม ๆ ออกมาว่า ‘รสนิยมที่ดี’

และนั่นก็รวมถึงรสนิยมทางดนตรีชั้นเยี่ยมที่พวกเขาเลือกเสพผลงานจากศิลปินแจ๊ซชั้นเลิศ Miles Davis หรือ Charlie Parker หรือถ้าเป็นเพลง Rock ก็จะเป็นวงชั้นเยี่ยมอย่าง The Who หรือ The Kinks เป็นต้น และเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมสกู๊ตเตอร์ที่มีความยูนีกอย่าง Lambretta ถึงเป็นสิ่งที่ชาว Mods เลือกใช้เป็นพาหนะของกลุ่มนั่นเอง

The Pope's Exorcist topic 2.2
The Pope's Exorcist 3

บิดกุญแจ สตาร์ทรถ ให้เครื่องยนตร์ส่งเสียงดัง “ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม !” สกู๊ตเตอร์ Lambretta ได้ขับผ่านวัฒนธรรมย่อยของคนกลุ่มเล็ก ๆ มาแล้วเรียบร้อย และตอนนี้ก็กำลังจะเข้าจอดป้ายหนึ่งที่สำคัญของแบรนด์ซึ่งก็คือ ‘วัฒนธรรมหลัก’ หรือ Pop Culture ที่จะเรียกว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดก็ว่าได้

ปี 2023 ที่ผ่านมาภาพยนตร์เรื่อง The Pope’s Exorcist หนังที่ฟังแค่ชื่อดูจะไม่สามารถเข้ากับแลมได้เลย แต่ก็นั่นล่ะ ด้วยความที่เป็นสกู๊ตเตอร์ซึ่งไม่ว่าจะแปะกับวัฒนธรรมไหนก็ใช่ไปหมด หนังเรื่องนี้จึงบันทึกภาพของความเป็น Lambretta แบบที่เท่ที่สุดเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ผ่านตัวละครบาทหลวงชื่อ Gabriele Amorth หัวหน้ามือปราบผี (Chief Exorcist) แห่งนครวาติกัน ที่มีประสบการณ์มากกว่า 36 ปี (ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากแฟ้มบันทึกเคสการปราบผีจริง ๆ ของหลวงพ่อกาเบรียลนี่ล่ะ)

The Pope's Exorcist 5
The Pope's Exorcist 4

สิ่งสำคัญของหนังเรื่องนี้กับความเป็น Lambretta คืออะไรรู้มั้ย มันไม่ใช่เพราะความโคตรเท่ที่หนังตั้งใจเลือก Lambretta-Serveta Li 150 รุ่นที่เกิดขึ้นหลังจากยุคของโมเดลตระกูล MK D ตอนปี 1951 และเป็นซีรีส์ที่ 2 ของ LI สร้างตอนปี 1963 – 1966 มาด้วยสมรรถนะแรง ๆ เกียร์ 4 สปีด พร้อมสเปกความเร็วสูงสุดที่ 150 CC หรอกนะ

แต่มันคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ มาก ๆ ต่างหากล่ะ และสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการที่นักแสดงนำของเรื่องอย่าง Russell Crowe ได้บังเอิญไปเห็นบาทหลวงรูปหนึ่งในอิตาลีขี่ Lambretta แล้วตัดสินใจเป็นคนขอให้บาทหลวงกาเบรียลตัวละครของเขาใช้ Lambretta เป็นพาหนะหลักในการเดินทาง รัสเซลเป็นคนยืนกรานจะทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง มันเลยไม่ใช่แค่เรื่องของ Pop Culture แล้ว แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า Life Culture ที่ทำให้เห็นและรู้สึกได้เลยว่าตลอดเวลา 77 ปีที่ผ่านมา แบรนด์สกู๊ตเตอร์จมูกหมูตัวนี้ได้สร้าง #แลมบันดาลใจ ในชีวิตของผู้คนมากมายขนาดไหน

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

Cr : https://www.unlockmen.com/the-popes-exorcist-lambretta-story/

เก๋-กมลนิตย์

แลม… บันดาลใจ : ‘เก๋-กมลนิตย์’ กับ Classic Lambretta สกู๊ตเตอร์หน้าตาของความสุขที่ทำให้อยากขี่ไปในทุก ๆ วัน

“เคยถามตัวเองกันมั้ย ว่าหน้าตาของความสุขที่มีร่วมกับ Lambretta เป็นแบบไหน ?”
เราตอบคำถามนี้ได้ง่ายขึ้นมาก เมื่อบทสนทนาสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ‘เก๋-กมลนิตย์’ จบลง

เธอคือหญิงสาวที่ชาวแลมหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง ตามงานของ Lambretta ในลุค Vintage Style สุดเท่ แต่ ๆ ๆ ๆ เราเชื่อว่าทุกคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวเบื้องหลังที่เธอมีร่วมกับ Lambretta ดีนัก เพราะความหลงใหลในสไตล์ Vintage ของเธอมันไม่ใช่แค่เรื่องของเสื้อผ้าเท่านั้น แต่เป็นการรับ แลม… บันดาลใจ จากสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้ด้วย

เก๋-กมลนิตย์

“ชื่อกมลนิตย์ แจ่มทับทิมค่ะ”

คุณเก๋แนะนำตัวแบบเขิน ๆ พร้อมกับบอกว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อน “มันต้องจริงจังขนาดนี้เลยใช่มั้ยคะ 555” แต่หลังจากเขินอยู่ได้ไม่นานเธอก็บอกว่าพร้อมตอบคำถามต่อไปแล้ว เราจึงไม่รอช้า เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าจุดเริ่มต้นความหลงใหลในสกู๊ตเตอร์อย่างแลมของเธอมาจากไหน และเมื่อต้องพูดถึงจุดเริ่มต้นในการขี่ Lambretta ของคุณเก๋ เธอบอกว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ และมีผลต่อความทรงจำที่ดีที่ทำให้เธอได้ขี่แลม มีสังคมแลม จากที่ขับคนเดียวมาโดยตลอด และนี่คือเรื่องราวระหว่าง ‘คุณบังใหญ่’ กับคุณเก๋ และแลมคันแรกในชีวิตของเธอ

“ที่บ้านของหนูเขาชอบพวกรถ Vintage อยู่แล้ว ทั้งสกู๊ตเตอร์ / รถเต่า เมื่อก่อนที่บ้านทำธุรกิจขายรถสกู๊ตเตอร์ตัวรุ่นช่วงปี 70s เราก็อยู่กับแวดวงนี้มานาน”

“แต่ที่มาเริ่มต้นขี่ Lambretta ได้จริง ๆ เพราะแฟน (คุณบังใหญ่) ซึ่งเขาขี่ Lambretta มาก่อน แล้วก็เป็นคนที่ทำให้เราได้รู้จักสกู๊ตเตอร์คันนี้ในตอนนั้นที่เรายังไม่รู้เลยว่ามันคือรถรุ่นอะไร 555 (หัวเราะแบบเขิน ๆ) ก็ได้ลองขับอยู่สักพัก เขาก็ซื้อ Lambretta 3LI150 Special ให้ เป็นแลมคันแรกของหนูเลย”

“จากนั้นก็เริ่มศึกษาจริง ๆ จัง ๆ ดีเทลมันยังไงบ้าง ด้วยความตื่นเต้นว่ามันเป็นรถที่เราไม่รู้จักมาก่อนในทีแรก รู้สึกว่ามันสวยดี ด้วยดีไซน์ด้วยอะไร จริง ๆ อธิบายยากอะ 555 ก็น่าจะเพราะมันมีความแตกต่างจากสกู๊ตเตอร์รุ่นอื่น ๆ ด้วย แต่ตอนนั้นก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่นะ เพราะด้วยรูปทรงของแลมที่มันใหญ่ แต่พอขับไปก็รู้สึกชอบเลย พอรักแล้วก็อยากครอบครองอีก”

เก๋-กมลนิตย์

และเมื่อเราขอให้คุณเก๋ช่วยเล่าเหตุการณ์ความประทับใจใน Lambretta ระหว่างคุณบังใหญ่และตัวเองเพราะอยากจะรู้ว่า สกู๊ตเตอร์คันนี้ได้บันทึกความทรงจำไปพร้อมกับตัวเลขไมล์บอกระยะทางของทั้งคู่เอาไว้อย่างไรบ้าง 

“เวลาที่เราจะเอา Lambretta ไปออกงานหรือขี่ไปไหนมาไหน บังใหญ่จะเป็นคนดูแลให้ตลอด รูปที่เห็นหนูอยู่คู่กับ Lambretta ก็เป็นเขาที่ถ่ายให้ทั้งหมด หนูก็ขี่อย่างเดียวไปเลย 555 และสำคัญคือเราจะไม่มีสังคมแลมอย่างในวันนี้เลยถ้าไม่ใช่เพราะเขา

“ต้องบอกว่าเราได้เข้าสู่วงการ Lambretta เพราะแฟนคนนี้เลยค่ะ”  

“อยากขอบคุณที่เขาพาเราเข้าวงการนี้ ได้เจอมิตรภาพที่ดี ถ้าหนูไม่รู้จักเขาก็จะไม่รู้จัก Lambretta อย่างในวันนี้ได้เลย”

เก๋-กมลนิตย์

เมื่อเราคุยกันต่อไปสักพัก ถึงเข้าใจคำที่คนเคยชอบพูดกันเอาไว้ว่า “Lambretta มันเก็บความทรงจำของคนขี่เอาไว้เสมอ” และเจ้ารถคันแรกอย่าง Lambretta 3LI150 Special ก็เก็บความทรงจำมีค่าของเธอเอาไว้มากมาย

“สิ่งที่ทำให้รถ Lambretta 3LI150 Special มีความหมายต่อหนูก็เพราะว่าได้มันมาค่อนข้างที่จะยาก เราได้มาเป็นมือที่ 2 แต่จริง ๆ คือรับต่อมาเป็นมือที่ 3 มันคือคันที่บังใหญ่ซื้อต่อมาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันมาก ๆ ชื่อ ‘พี่กอล์ฟ 70club’ แล้วพี่กอล์ฟเขาไปซื้อมาจากจังหวัดตรัง จีบมาจากลุงคนหนึ่งใช้เวลาประมาณ 10 ปี ถึงยอมขายให้ ไม่รู้ว่าเขาได้มาราคาเท่าไหร่นะ แต่ตอนขายให้หนูคือ 7 แสนแล้ว สตอรี่มันดีมาก ๆ ทุกอย่างเดิมไม่มีอะไรแต่ง เราก็ใช้มันทั้งขับเล่นบ้าง ไปตลาดบ้าง ออกทริปบ้าง”

“สำหรับหนูนะ Lambretta มันเป็นรถที่ขับได้ทุกวัน เพราะเป็นความสุขสำหรับหนูเองด้วย เราชอบรถแบบนี้อยู่แล้ว เราก็จะขับไปเซเว่น ไปตลาด ไปรับน้องที่โรงเรียน ใช้ได้ในหลาย ๆ โอกาสเลยแหละ”

เก๋ กมลนิตย์
เก๋-กมลนิตย์

เพราะเห็นว่าเป็น Lambretta ตัว Vintage ที่ใช้ออกทริปด้วย เราจึงค่อนข้างแน่ใจว่าเธอต้องมีเหตุการณ์ประทับใจไม่เคยลืมกับเจ้า Lambretta 3LI150 Special อย่างแน่นอน

“มีอยู่ครั้งหนึ่งไปออกทริปจากเชียงใหม่ไปนครสวรรค์ ตอนนั้นไปกันหลายคน แล้วจู่ ๆ รถของเราก็เกิดมีปัญหาขึ้นมา ทำให้ทิ้งท้ายอยู่คนเดียว แล้วก็ทำให้เราได้ไปเจออู่หนึ่งที่เขาทำรถสกู๊ตเตอร์ เขาก็เข้ามาช่วยจนเราสามารถขี่ไปต่อได้ มันเหมือนโชคช่วยนะ มันทำให้เรารู้สึกมีความสุข มันประทับใจตรงนั้น แล้วมันทำให้หนูพบว่าตัวเองไม่เคยถอดใจกับแลมเลย”

คำถามสุดท้ายก่อนที่บทสนทนาของเราจะจบลงไป เมื่อมีเรื่องราวมากมายกับ Lambretta แล้วถ้างั้นสกู๊ตเตอร์คันนี้มันเป็นแรงบันดาลใจด้านไหนในชีวิตของเธอบ้าง และคำตอบของเธอก็ช่างทำให้เรารู้สึกว่า เออ คำตอบนี้มันคุณเก๋มากเลยเนอะ ถึงจะได้คุยกันแค่สั้น ๆ แต่เราก็รู้สึกได้เลยว่าเธอน่าจะตอบแบบนี้แหละ 

“โหหห น่าจะบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจของชีวิตในเกือบทุกด้านเลยนะคะ ตอนนี้อยากได้อยู่หลายรุ่นเลย Lambretta เป็นเหมือนแรงผลักดันให้อยากจะทำงานแล้วก็ซื้อไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้ก็ขยันหนักนิดนึงแหละ 555 มันทำให้เราอยากทำงานแล้วก็อยากมีเงินไปซื้อเขาไงคะ : )”

เรื่องราวฉลองครบรอบปีที่ 77 ของ Lambretta ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มาตามต่อกันดีกว่าว่าเรื่องราวต่อไปที่เราเอามาแชร์ชาวแลมจะเป็นเรื่องของใคร เรื่องอะไร รับรองความ #แลมบันดาลใจ เหมือนเดิม

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

แลม… บันดาลใจ : ชีวิตบนเส้นทางศิลปะกว่า 2 หมื่นกิโลเมตร ที่มีเพียงแค่ Lambretta และความตั้งใจอันแรงกล้าของ ‘อาจารย์ อินสนธิ์ วงค์สาม’

ว่ากันว่า “แรงบันดาลใจ” คือสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตของคนเราให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ระยะทางที่มุ่งหน้าออกไปจะไกลได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะสามารถพิชิตจุดหมายปลายทางได้หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับดีกรีของความตั้งใจว่ามันเข้มข้นสักเพียงใด

และสำหรับชีวิตในวัยหนุ่มของ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) พ.ศ.2542 คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่ถ่ายทอดตัวอย่างของแรงบันดาลใจอันแรงกล้าได้อย่างชัดเจน กับ “แลม… บันดาลใจ” ในการควบสกู๊ตเตอร์ Lambretta ข้ามโลกสู่อิตาลี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พร้อมแสดงผลงาน และตอบสนองแรงผลักดันส่วนลึกในใจ กับเป้าหมายในการไปเยือนนครแห่งศิลปะอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาด้านศิลปะให้กับเขา

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

แน่นอนว่าหากย้อนไปในปี พ.ศ. 2504 แผนการพิชิตเส้นทางกว่า 20,000 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องง่าย ความตั้งใจของ ‘อาจารย์อินสนธิ์’ หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ณ ตอนนั้น มีแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ปรากฎอยู่ในทุกมิติ ทั้งเรื่องของรถยนต์ส่วนตัวที่มีปัญหาจนไม่พร้อมใช้งานเดินทางไกล ยังไม่นับรวมถึงอุปสรรคอีกมากมายที่รออยู่ตลอดเส้นทางข้างหน้า

แต่ด้วยอุดมการณ์ทางศิลปะอันเข้มข้น บวกกับความบ้าระห่ำในวัยหนุ่ม ทำให้ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม’ ยังคงเดินหน้าทำตามความฝัน ตัดสินใจทำหนังสือขอความสนับสนุนจากตัวแทนจำหน่ายสกู๊ตเตอร์ Lambretta ในไทย เพราะอยากได้ราชรถคู่ใจเป็นสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี ที่นอกจากจะลงตัวกับการออกทริปสู่ดินแดนมักกะโรนี แล้วยังตอบโจทย์เรื่องความคล่องตัว, ความทนทาน, ความง่ายต่อการดูแลรักษา อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่โหดร้ายจนเกินไป

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

จนท้ายที่สุด ‘อาจารย์อินสนธิ์’ ก็ได้รับ ‘Lambretta TV175 Series II’ คันเก่ง มาเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางสมใจ พร้อมเงินสมทบทุนค่าน้ำมันจากเหล่าผู้สนับสนุนใจดีที่เล็งเห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ แม้ว่าตอนนั้นตัวเขาจะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นด้วยซ้ำ ทำได้เพียงแค่เข็นรถจากโชว์รูมแถวแยกปทุมวัน มาฝึกขี่ที่สวนลุมฯ ยิงยาวตั้งแต่เช้ายันเย็นจนเริ่มคล่อง พร้อมทำเรื่องขอออกใบขับขี่สากล, หนังสือรับรอง รวมถึงเอกสารผ่านแดนจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย และกรมตำรวจ เพื่อเป็นใบเบิกทางในการออกสู่โลกกว้างด้วย Lambretta คันนี้ แม้ฟังดูเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ศิลปินคนนี้ก็ได้ร่างเค้าโครงภาพความฝัน สู่ความเป็นไปได้ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

จากนั้นก็ได้นำสกู๊ตเตอร์ Lambretta มาดัดแปลงเพื่อการเดินทางแสนไกล ให้พร้อมบรรทุกสัมภาระจำเป็นอย่างผลงานศิลปะกว่า 200 ชิ้น ซึ่งถูกม้วนบรรจุไว้ในกล่องสังกะสีอย่างดี รวมถึงอุปกรณ์วาดภาพ, อุปกรณ์ทำอาหารง่าย ๆ, เสื้อผ้า และอุปกรณ์ซ่อมบำรุงรถ ในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2505 เรื่องราวการผจญภัยบนเส้นทางศิลปะของ ‘อาจารย์อินสนธิ์’ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

จากจุดสตาร์ทที่กรุงเทพมหานคร ในย่านประตูน้ำ ‘Lambretta TV175 Series II’ ได้นำพา ‘อาจารย์อินสนธิ์’ ผ่านร้อนผ่านหนาวและอุปสรรคนานัปการบนเส้นทางหฤโหดกว่า 20,000 กิโลเมตร สู่ปีนัง, กัลกัตตา, เดลี, เตหะราน, อิสตันบูล, เอเธนส์, คอร์ฟู, บรินดิซี, โรม จนมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยไม่ออกอาการงอแงสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้ปวดหัวแต่อย่างใด

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

เปรียบเสมือน “แลม… บันดาลใจ” ให้ผู้ชายคนนี้ได้ทำตาม “แรงบันดาลใจ” ในการออกเดินทางเยี่ยมบ้านเกิดของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ตามคำมั่นสัญญา พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านศิลปะจากหลากประเทศ หลายมุมมอง รวมถึงมีโอกาสแสดงงานใน Numero Galley โมเดิร์นอาร์ตแกลเลอรี่ที่มีชื่อเสียงของเมืองฟลอเรนซ์ ได้สำเร็จสมความตั้งใจ

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

ถือเป็นการปิดท้ายภารกิจที่กินเวลากว่า 18 เดือนลงอย่างทรงคุณค่า เพราะแม้ว่าเวลา 1 ปีครึ่ง สำหรับใครบางคนอาจจะดูเหมือนไม่นาน แต่ประสบการณ์ และความหาญกล้าในการทำตามฝันของ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม’ คือแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ควรค่าแก่การเล่าขานตลอดไป

และนี่คือหนึ่งใน 7 เรื่องราว “แลม… บันดาลใจ” เฉลิมฉลองครบรอบ 77 ปี Lambretta สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี ที่ยืนหยัดเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตอันน่าประทับใจของใครหลายคนมาอย่างยาวนาน

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

กอล์ฟ 70 CLUB mobile

แลม… บันดาลใจ: ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ จากยานพาหนะที่หลงใหล สู่สิ่งที่สร้างความสุข และหล่อเลี้ยงชีวิตบนเส้นทางแห่ง LAMBRETTA

กอล์ฟ 70 CLUB 1

แต่สำหรับ ‘กอล์ฟ – อัษฎา อบรมทรัพย์’ หรือที่ชาวแลมรู้จักในชื่อ ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ เขาได้พบกับคำตอบของปลายทางแห่งความหลงใหล ด้วยความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสกู๊ตเตอร์ Lambretta ที่เขาหลงรัก และยังเป็นเหมือน “แลม… บันดาลใจ” ต่อยอดสู่อาชีพหล่อเลี้ยงชีวิต กับธุรกิจขายอะไหล่แลมวินเทจ ที่ยังคงสานต่อตำนานความเก๋ากว่า 77 ปี มาให้ได้สัมผัสในยุคปัจจุบัน

เรื่องราวจุดเริ่มต้นเส้นทางที่มี Lambretta เคียงข้างจนเป็นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ ได้เล่าให้ฟังย้อนไปไกลสมัยที่ผู้ชายคนนี้เริ่มทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเองใหม่ ๆ และตัดสินใจหาสกู๊ตเตอร์มาขี่สักคัน เพื่อเป็นการสานต่อความชอบในวัยมหาวิทยาลัยที่เคยมีสกู๊ตเตอร์คู่ใจขี่ไปไหนมาไหนโดยตลอด และการกลับเข้าสู่วงการสองล้อครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับ Lambretta ที่ดีไซน์เท่สะดุดตา จนไม่ลังเลที่จะไปเสาะหามาเป็นของตัวเอง

กอล์ฟ 70 CLUB 11
กอล์ฟ 70 CLUB 9
“สมัยนั้นก็หารถในเว็บ Thai Scooter แล้วไปถูกใจ Lambretta Series 2 Li 150 จำได้ว่าไปซื้อแถววังหิน ซื้อเสร็จก็ต้องขี่กลับบ้านแถวแคราย พอได้ขี่เท่านั้นแหละ รู้สึกเลยว่า เฮ้ย!! ทำไมมันขับดีขนาดนี้เลยหรอ ไม่รู้ว่าเพราะโชคดีได้แลมคันที่ดีมาด้วยรึเปล่านะ ไม่ว่าจะเครื่องยนต์ การทรงตัว ช่วงล่าง ฟีลลิ่งมันดีหมดเลยนะ ทำให้เราเก็ทเลยว่า เวลาใช้งานขี่ทางไกลมันน่าจะสบายว่ะ แล้วส่วนตัวจะเป็นคนที่ชอบขี่รถเที่ยวไกล ๆ อยู่แล้ว ทีนี้ก็รู้เลยว่าแลมนี่แหละใช่ จากนั้นก็ขี่แลมมาตลอด”
กอล์ฟ 70 CLUB 8
กอล์ฟ 70 CLUB 7
กอล์ฟ 70 CLUB 10
“และเหตุผลส่วนตัวอีกอย่างที่ทำให้ชอบ Lambretta เพราะเรารู้สึกว่าคนเล่นแลม คนขี่แลม ไลฟ์สไตล์มันจะเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าจะนิสัยใจคอ การแต่งตัว อะไรต่าง ๆ ยิ่งเวลามาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เราว่ามันดูเท่ดี เราเองก็เริ่มจากมีเพื่อน ๆ ที่มาขี่รถเที่ยวด้วยกัน พอบ่อยเข้าก็เริ่มอยากตั้งกลุ่มตั้งก๊วนให้มันชัดเจน ก็เลยเป็นที่มาของ 70 Club ไอ้ชื่อ 70 ก็มาจากเราไปอัพเกรดเครื่องยนต์เป็น 225cc เพื่อให้ขี่สบายขึ้น แล้วก็ชวนเพื่อน ๆ ในกลุ่มให้ทำเหมือนกันหมด เวลาออกทริปมันจะได้ทันกัน ไปได้พร้อม ๆ กัน ใช้เวลาบนถนนน้อยลงมันก็ปลอดภัยกว่า แล้วลูกสูบของเครื่องที่อัพมามันจะมีขนาด 70 มม. ก็เลยใช้ 70 เป็นชื่อกลุ่มไปเลย”
กอล์ฟ 70 CLUB 3

“หลังจากตั้งกลุ่มมา มันมีอยู่ทริปนึงที่เราประทับใจมากคือทริปเวียดนามที่เมืองซาปา ไปกัน 10 คันแลมล้วนเลย ไปช่วงหน้าหนาว ในใจก็แอบหวังเล็ก ๆ ว่าจะเจอหิมะมั้ยวะ แล้วสุดท้ายก็ได้เจอสมใจ แล้วมันเป็นทริปที่เดินทางกันไกลมากวิ่งออกไปทางเชียงของ ซึ่งปกติส่วนใหญ่คนเค้าก็จะกลับกันทางเดิม แต่นี่เราอ้อมกลับมาทางนครพนม รูทนี้มันเลยเป็นประสบการณ์ที่พิเศษที่ยังคงประทับใจจนถึงตอนนี้”

กอล์ฟ 70 CLUB 2
กอล์ฟ 70 CLUB 6

“และถ้าจะให้พูดถึงเรื่องแรงบันดาลใจที่ได้จาก Lambretta คงเป็นเรื่องที่ทำให้เราอยากไปท่องเที่ยว ตั้งแต่สมัยก่อนช่วง 30 – 40 จะออกทริปหนักมากไปไหนก็ไปกับแลม จนตอนนี้อายุ 49 จะ 50 แล้ว อาจจะออกทริปกับแลมน้อยลง แต่ก็ยังเลือกไปเที่ยวสถานที่ที่เกี่ยวกับแลม ที่ไหนมีแลมเราไปหมด อย่างไปอิตาลีก็จะไปบุกโรงงานแลม มีอนุสาวรีย์แลมแบรตต้า มีพิพิธภัณฑ์อะไรต่าง ๆ ขอให้เกี่ยวกับแลม เราก็ไปมาเกือบหมด”

กอล์ฟ 70 CLUB tattoo

“แล้วส่วนตัวเรารู้สึกผูกพันกับแลมมาก ถึงขนาดสักลาย Lambretta ไว้บนแขน ย้อนกลับไปน่าจะประมาณสิบปีก่อน ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับแลมมานานพอสมควร ด้วยอาชีพที่เช้ามาก้อเจอแลม บางวันก็นอนอยู่กับแลม ซึ่งเรารู้สึกว่ามันคงต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ จึงอยากเอาเจ้าโลโก้ Lambretta ที่ฟอนต์สวยดีไซน์สวย ดูเท่ ดูเกเรมาอยู่บนตัว เพื่อบ่งบอกถึงความชอบ รัก คลั่งไคล้ ที่มีต่อมัน ให้มันอยู่ติดตัวเราไปเลย  คิดดูว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ตั้งมากมาย แล้วจะมีซักกี่แบรนด์กี่ยี่ห้อที่สามารถทําให้คนคลั่งไคล้ จนเอามาสักให้มันอยู่กับร่างกายไปตลอดชีวิต และ Lambretta คือคำตอบสำหรับเรา”

“อีกอย่างคือ Lambretta ทำให้ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ทุกวันนี้ก็ยังมีเพื่อนใหม่ที่แลมนำพาให้มาเจอกันอยู่เรื่อย ๆ ที่สำคัญแลมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เรารู้สึกโชคดีที่ความหลงใหลมันกลายมาเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ และให้ความสุขกับเราได้ ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิต ทำอะไรที่เกี่ยวกับแลมไปอีกนานจนกว่าจะทำไม่ไหวนั่นแหละ”

กอล์ฟ 70 CLUB 5

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

เฮียเจียว lambretta

แลม… บันดาลใจ : “เฮียเจียว” พี่ใหญ่ของชาว LAMBRETTA ชายที่ทำให้คำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” คือเรื่องจริงยิ่งกว่าจริง

สำหรับชาวแลม หรือ Lambrettista ทั้งหลาย น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา “เฮียเจียว – กันตพงศ์ ฤกษ์แสนสุข” กันเป็นอย่างดี ในฐานะพี่ใหญ่ใจดี อดีตช่างซ่อมแลมวินเทจรุ่นเก๋า และเจ้าของศูนย์บริการมาตรฐาน Lambretta รุ่นบุกเบิกเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ที่คอยให้ความรู้ รวมถึงดูแลรถให้กับก๊วนแลมแทบทุกครั้งที่ออกทริปไปด้วยกัน
หากจะให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่าง “เฮียเจียว” และสกู๊ตเตอร์คู่ใจอย่าง แลมเบรตต้า คงพูดได้ว่าเปรียบเสมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ด้วยอายุของเฮียเจียวที่อยู่ในวัย 77 เท่ากับอายุแบรนด์ แลมเบรตต้า ที่ถึงวาระครบรอบ 77 ปี ในปีนี้เช่นกัน
เฮียเจียว lambretta
ซึ่งจุดเริ่มต้นความสนิทสนมกับเพื่อนซี้ 2 ล้อ คงต้องย้อนไปไกลถึงประมาณปี พ.ศ. 2504 – 2505 ยุคที่สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลีอย่าง Lambretta เริ่มบุกตลาดในไทยโดยการนำเข้าของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แอนด์โก ในสมัยนั้น และช่วงประมาณปี พ.ศ. 2507
ทางบ้านของเฮียเจียวที่ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ก็ได้รับการทาบทามให้เป็นตัวแทนจำหน่าย พร้อมศูนย์ซ่อมแบบครบวงจร
เฮียเจียว lambretta
และตัวเฮียเจียวเองก็ถูกส่งไปเรียนรู้วิชาการซ่อมบำรุงโดยช่างเทคนิคที่มาจากต่างประเทศนานถึง 2 เดือน จึงเป็นเหตุผลที่ความเชี่ยวชาญด้านแลมวินเทจของเขานั้นเจนจัดชัดถ้อยชัดคำอย่างไร้ข้อกังขา ที่สำคัญเหตุการณ์นี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ในอีกไม่กี่ปีต่อมาเฮียเจียวได้พบกับ Lambretta X200 Special หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ SX200 สกู๊ตเตอร์คู่ใจคันแรกที่ใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมายาวนานตลอด 60 ปี ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวัน, ออกทริปท่องเที่ยวทั้งใกล้ไกล, ใช้ขี่รับ-ส่งลูกไปเรียนหนังสือจนจบการศึกษาครบทั้ง 4 คน
เฮียเจียว lambretta
จวบจนถึงทุกวันนี้เพื่อนรักอย่าง Lambretta SX200 คันเก่งคันเดิม ก็ยังได้รับการดูแลอย่างสุดฝีมือ พร้อมพา “เฮียเจียว” โลดแล่นไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะในไทย หรือไปไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เป็นสกู๊ตเตอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชายคนนี้ยังคงมีไฟในการใช้ชีวิต ซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยความหมายของมิตรภาพบนเข็มไมล์ที่ไม่จำกัดอายุ พร้อมเติมเต็มความสุขด้วยประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนกับชาว Lambrettista ในทุกครั้งที่ออกทริป
เฮียเจียว lambretta
เฮียเจียว lambretta
ที่สำคัญไปกว่านั้น เพื่อนรัก 2 ล้อนามว่า Lambretta คันนี้ ยังเป็น “แลม… บันดาลใจ” ผลักดันให้เฮียเจียวหันมาใส่ใจในการดูแลตัวเอง ด้วยการตัดสินใจเริ่มออกวิ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน เก็บรายการวิ่งครบทุกระยะทั้งฟูลมาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน ร่วม 200 รายการ
เฮียเจียว lambretta
ด้วยเหตุผลที่ฟังดูเรียบง่ายแต่สะท้อนถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ กับความต้องการทลายข้อจำกัดของอายุ ให้เหลือแค่เพียงเรื่องของตัวเลข ด้วยการเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงพอที่จะตอบสนองหัวใจที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนเมื่อครั้งยังหนุ่มแน่น เพื่อที่จะได้เก็บเกี่ยวความสุขไปกับประสบการณ์อิสระบน Lambretta สุดรักไปตราบนานเท่านาน

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

มาริโอ lambretta mobile

แลม... บันดาลใจ : ‘มาริโอ เมาเร่อ’ กับความหลงใหลใน Lambretta งานอดิเรกที่เติมเต็มให้ชีวิตมีความหมาย

หลายคนอาจรู้จัก ‘มาริโอ เมาเร่อ’ ในฐานะนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี พ่วงด้วยดีกรีพระเอกพันล้าน แต่อีกด้านของชีวิตผู้ชายคนนี้มีงานอดิเรกคือการเป็นนักสะสมของเก่าชนิดหาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเหรียญเก่า ธนบัตรเก่า สแตมป์เก่าทั้งของไทย ของนอก รวมไปถึงเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่น รถเก่า และสกู้ตเตอร์เก่าอย่าง Lambretta ซึ่งจิตวิญญาณความเป็นนักสะสมแบบเข้าเส้นได้ถูกปลูกฝังโดยคุณพ่อของเขามาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย

สำหรับใครที่มีงานอดิเรกในวันว่าง น่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการได้อยู่กับตัวเอง ใช้เวลาไปกับสิ่งที่หลงใหลหลังจากการทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วง มันคือการเติมพลัง และเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็คือหนึ่งในนั้น สามารถหมดเวลาเป็นวัน ๆ ไปกับการตามหาของเก่า ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยมองว่ามันคือการผลาญเงิน หรือการเผาเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ

มาริโอ lambretta 1

มาริโอเคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ของสะสมถ้ามันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่อง มองเห็นก็แค่ข้อเสียของมันเท่านั้น แต่สำหรับตัวผมจะเห็นคุณค่าในแง่ที่ว่า เฮ้ย เราได้ขับรถปี 1960 แบบที่พ่อเคยขับ ได้ขี่แลม 2 ที่เราถูกใจตั้งแต่เจอรุ่นพี่ขี่ ได้ดูแล ได้ซ่อมรถเอง ได้หาของแต่ง ได้ไปเจอเพื่อน ๆ คอเดียวกัน มันคือความสนุก คือความสุขที่ช่วยเติมเต็มอีกด้านของชีวิตที่ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน”

มาริโอเคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ของสะสมถ้ามันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่อง มองเห็นก็แค่ข้อเสียของมันเท่านั้น แต่สำหรับตัวผมจะเห็นคุณค่าในแง่ที่ว่า เฮ้ย เราได้ขับรถปี 1960 แบบที่พ่อเคยขับ ได้ขี่แลม 2 ที่เราถูกใจตั้งแต่เจอรุ่นพี่ขี่ ได้ดูแล ได้ซ่อมรถเอง ได้หาของแต่ง ได้ไปเจอเพื่อน ๆ คอเดียวกัน มันคือความสนุก คือความสุขที่ช่วยเติมเต็มอีกด้านของชีวิตที่ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน”

มาริโอ lambretta 11
มาริโอ lambretta 2

ที่สำคัญความชอบในสกู้ตเตอร์ Lambretta ยังเป็น “แลม…บันดาลใจ” ที่ปลุกไฟ Passion ของผู้ชายคนนี้ให้ลุกโชน เริ่มต้นจากความประทับใจในแลม 2 ของรุ่นพี่ในวัยเด็ก ก่อตัวกลายเป็นความตั้งใจอันแรงกล้าว่าวันหนึ่งจะหา Lambretta มาเป็นของตัวเองให้ได้

มาริโอ lambretta 7
มาริโอ lambretta 6

“ด้วยความที่เป็นคนชอบของวินเทจ พอโตมาหน่อยก็เริ่มสนใจในเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่นต่าง ๆ รวมถึงสกู้ตเตอร์เก่า แล้วพอมาเจอรุ่นพี่ขี่แลม 2 ก็เป็นเรื่องเลย รู้สึกว่าสวยจัง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากสะสม Lambretta ตั้งใจไว้ว่าถ้าหาเงินได้เมื่อไหร่จะต้องมีแลมเป็นของตัวเองให้ได้ จนสุดท้ายก็ได้แลม 2 มาเป็นคันแรกในครอบครอง ผมชอบความ Big Body และขี่ดีด้วย มันมีความเป็นตัวเรา เวลาขี่ไปไหนก็จะภูมิใจทุกครั้ง นั่งหลังตรงเลยนะ มันจะยืด ๆ หน่อย (หัวเราะ)”

มาริโอ lambretta 9
มาริโอ lambretta 10
มาริโอ lambretta 8

และการที่ได้สัมผัสกับแลมวินเทจ ทำให้ความหลงใหลใน Lambretta ของมาริโอสานต่อมาจนถึงรุ่นใหม่ ด้วยเสน่ห์ของงานดีไซน์ที่คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างครบถ้วน แม้จะถือกำเนิดมาจนครบรอบ 77 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนที่หลงใหลในความคลาสสิกของ Lambretta อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย

มาริโอ lambretta 3

นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตสุดประทับใจ หากไม่นับถึงประเด็นเรื่องความมีชื่อเสียงของเขา แล้วมองเพียงแค่เรื่องราวความฝันของชายหนุ่มสักคนหนึ่ง การที่ความชอบความหลงใหลในสิ่งใดสักสิ่ง ได้นำพาให้ชายที่ชื่อว่า ‘มาริโอ เมาเร่อ’ ได้มายืนอยู่ในจุดที่เป็นตัวแทนแบรนด์ Lambretta ที่หลงรัก สำหรับเขามันคือความฝันเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เป็น แลมบันดาลใจที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของผู้ชายคนนี้ นอกเหนือจากความสำเร็จทางด้านการแสดงที่เคยได้รับมา

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

104,000 THB

109,000 THB

104,500 THB

99,500 THB

88,500 THB

104,000 THB

109,000 THB

104,500 THB

99,500 THB

88,500 THB

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการทำงานของไซต์และการปรับแต่งไซต์ให้เหมาะกับผู้ใช้ เช่น วิดีโอและการสนทนาสด คุกกี้เหล่านั้นอาจได้รับการกำหนดโดยเราหรือผู้ให้บริการจากบริษัทอื่นที่เราได้เพิ่มบริการของพวกเขาลงในหน้าเพจ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน ฟังก์ชันบางอย่างของไซต์อาจทำงานไม่ถูกต้อง

  • คุกกี้กำหนดเป้าหมาย

    คุกกี้เหล่านี้จะถูกกำหนดผ่านไซต์ของเราโดยพาร์ทเนอร์โฆษณาของเรา โดยบริษัทดังกล่าวอาจใช้คุกกี้เหล่านี้เพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับความสนใจของคุณ และแสดงโฆษณาที่คุณสนใจบนไซต์อื่นๆ คุกกี้เหล่านี้ทำงานโดยการระบุแต่ละเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ของคุณ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน คุณจะไม่เห็นโฆษณาที่คุณเป็นเป้าหมายบนเว็บไซต์ต่างๆ

Save