เที่ยวกรุงฯ วันนี้ เราอยากชวนเพื่อน ๆ แต่งตัวชิค ๆ แล้วออกมาเปลี่ยนเมืองเก่าคลาสสิกแสนเก๋ให้ดูเท่ไม่ซ้ำใครในย่าน เจริญกรุง-นานา เส้นถนนที่คละคลุ้งไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นแบบตะวันตกร่วมสมัย ที่ ณ บัดนี้ได้ถูกปรับโฉมให้สวยด้วยพิกัดปัง ๆ ร้านรวงคอนเซ็ปต์ดี ซึ่งคราวนี้คัดมาให้ 6 โลเคชั่นสุดสมาร์ท ได้อิ่มท้องกับร้านอาหาร คาเฟ่แนวยุโรป อิ่มตาพักสมองด้วยการชมอาร์ตจากคนรุ่นใหม่ อิ่มอกอิ่มใจกับการสร้างผลงานศิลปะกินได้ ตามถ่ายภาพเช็คอินวอลล์อาร์ตที่แทรกอยู่แทบทุกตรอกซอย แต่ละที่มีกิมมิกคูล ๆ เหมาะแก่การขี่สกู๊ตเตอร์คันโปรดอย่าง Lambretta V200 Special โคฟเป็นชายคลาสสิก-สาวคลาสซี่ลัดเลาะเป็นที่สุด
ฤกษ์งามยามดีอยากออกมาสร้างสีสันฟีลตะวันตกในกรุงฯ เราจึงขอปักพิกัดแรกไปยัง Ron Ron Slow Bar คาเฟ่ที่เป็นเลิศด้านงานสถาปัตย์ ตั้งอยู่ชั้น 3 ของอาคารพาณิชย์ทรงเก่า หน้าร้านโดดเด่นด้วยกระเบื้องสีส้ม มีป้ายโลโก้ร้านเป็นภาพหญิงสาวสไตล์ Gatsby และผ้าใบชื่อร้านตั้งอยู่อย่างเรียบง่าย พอเอาตัวเองกับ Lambretta V200 Special สีขาวคู่ใจเข้าเฟรม ก็ทำให้ได้ภาพคูล ๆ อัพโซเชียลพร้อมแคปชั่นเท่ ๆ ได้ไม่ยาก
แต่พอเดินขึ้นไปถึงชั้น 3 แล้วถึงกับร้อง ‘คุณพระ!’ เหมือนหลุดมาอยู่บ้านคุณนายฝรั่งในภาพยนตร์เลย ด้วยการตกแต่งสไตล์ Art Nouveau ปรับความแข็งทื่อของอาคารด้วยความโค้งมนตามขอบประตูหน้าต่าง บันไดวนกลางร้าน ผนังสีโอลด์โรส เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มเนื้อเรียบเงา และของตกแต่งสไตล์ยุโรปวินเทจ เช่น รูปปั้น เชิงเทียน นาฬิกาตั้งโต๊ะ กรอบรูป ฯลฯ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นสุด ๆ
นอกจากการออกแบบจะสเปเชี่ยลแล้ว เรื่องกาแฟเขาก็เป็นแบบ Specialist เช่นกัน เราสามารถรีเควสต์กับบาริสต้าได้ว่าชอบแบบไหน ส่วนตัวแนะนำต้องนี่เลย Nutty Caramel Americano ซิกเนเจอร์เบลนของทางร้านมีกลิ่นหอมละมุนชุ่มคอ กินคู่กับ Bacon Maple pie แป้งหมักสูตรพิเศษ ใช้เวลาหมักถึง 24 ชม. หอมกลิ่นเตาถ่าน ท็อปด้วยครีมซอส เบคอนและเมเปิ้ลไซรัป คาวหวานเข้ากันอย่างดี หรือใครแวะมาช่วงเช้าอยากจัดหนักก็ลอง Raspberry Yuzu คู่กับ Ron Ron Breakfast อาหารเช้าหน้าตาลูกคุณ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ปริมาณจุใจก็ไม่เลวเหมือนกัน
02 Contento (โรงสำราญ)
Contento (คอนเทนโต้) เป็นภาษาอิตาลีแปลว่า มีความสุข เป็นร้านที่ตั้งใจเสิร์ฟความสุขให้แก่ผู้มาเยือนด้วยอาหารอิตาเลียนจากเชฟผู้มากประสบการณ์ และบรรยากาศอันดีเยี่ยม เราประทับใจตั้งแต่แรกเห็นกับอาคารเก่าทรงยุโรป 3 ชั้น 5 คูหาสีเทาเข้ม ตัดสลับสีขาวจากระเบียงและกรอบหน้าต่างดูน่าค้นหา รายละเอียดการตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราเห็นทั้งภายนอกและภายใน เกิดจากประสบการณ์ของเจ้าของ คุณอู้-นพปฎล พหลโยธิน ที่เติบโตในต่างประเทศ ได้เดินทางมามากมาย นำความประทับใจที่พบเจอมาใช้ในการตกแต่งเปลี่ยนบรรยากาศหน้าถนนไมตรีจิตต์ อันเป็นที่อยู่ของคนไทยเชื้อสายจีน ให้กลายเป็นโลกตะวันตกได้อย่างแนบเนียน
อาคารสวยทุกสัดส่วนจนต้องขอจัดเซ็ตภาพฟีลสาวคาสสิกกันสักนิด และขอเพิ่มความเท่เข้าไปแบบทวีคูณอีกหน่อยด้วยการมี Lambretta V200 Special ข้างกาย สกู๊ตเตอร์ที่ออกแบบดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Wonderful Retro’ เสริมความเรียบโก้ดูมินิมอลให้เข้ากับยุคสมัย ใช้วัสดุอิมพอร์ตมาจากอิตาลี พร้อมวิวัฒนาการไม่ซ้ำใคร อย่างโครงเหล็กก็ใช้แนวคิดเดียวกับการทำเครื่องบิน ทำให้รถมีน้ำหนักเบาและทนทาน ดูแลรักษาง่าย ระบบภายในเป็นจอแสดงผลสมัยใหม่เข้าใจง่าย ตอบโจทย์ทุกการเดินทางสุด ๆ ออ.. จะบอกว่าสีขาว Lucido White คันโปรดของเราคันนี้สีตัดกับตัวตึกเข้ากับขอบประตูหน้าต่างมาก ๆ
เปิดประตูเข้ามา เราจะเจอกับบรรยากาศ Italian Country แสนจะอบอุ่นผ่อนคลายด้วยไฟส้ม ขับสะท้อนกับผนังกระเบื้องสีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ บางตัวมีลายฉลุดูหรูหรา วางชุดจานวินเทจเป็นระเบียบสวยงาม กวาดตามองไปทางไหนก็เจอแต่กิมมิกน่าสนใจจากสารพัดของสะสมที่นำมาตกแต่ง เรามาช่วงสิงหาคมซึ่งตรงกับซัมเมอร์ในอิตาลี เขาเปลี่ยนร้านให้กลายเป็นสวนเลม่อน เน้นความสดชื่นในฤดสไตล์ยุโรป สมแล้วที่พี่เจ้าของใช้เวลาอยู่ต่างประเทศมานาน เขาสร้างฟีลลิ่งได้เหมือนมาก เพลงเอย การจัดวางเอย มู้ดของร้านคือเล่นใหญ่มาก โดยเขาจะเปลี่ยนธีมไปเรื่อย ๆ ตามเทศกาลพิเศษ มากี่ทีก็ได้รูปไม่ซ้ำแน่นอน
อาหารของทางร้านจะเป็นแบบ Contemporary Comfort Cooking เน้นการปรุงแต่งจานต่อจานอย่างพิถีพิถัน มีกลิ่นอายของเครื่องปรุงเมืองหนาว จนเกิดรสชาติที่หาได้ตามคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน เมนูหลักที่เราชอบสุดคือ FILETTO ROSSINI สเต็กเนื้อสันออสเตรเลียท็อปฟัวกราส์ย่าง ราดด้วยซอสไวน์แดง และ Seasonal menu อย่างหน้าเลม่อนนี้ เราลองสั่ง Capri Crab Spaghetti ส่วนผสมของเนื้อปู, Wilted Basil, sizzling lemon butter ผัดกับเส้นสปาเกตตีที่ลวกได้อย่างพอดี ตบท้ายด้วยการขูดผิวเลม่อนลงไปให้ได้ทั้งเท็กเจอร์และกลิ่นแบบเน้น ๆ และ Sgroppino ค็อกเทลเปรี้ยวซ่า เพิ่มความสดชื่นได้อย่างเต็มสูบ
03 The Mustang Blu
อีกโลเคชั่นสุดคลาสสิกที่อยากแนะนำในย่านเมืองเก่า The Mustand Blu คาเฟ่ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารสีขาวสูง 3 ชั้น ออกแบบสไตล์ Colonial ทอดยาวไปตามหน้าถนนไมตรีจิตต์กว่า 900 เมตร มีอายุร่วม 100 ปี โดดเด่นด้วยแปลนตึกทรงสามเหลี่ยม ทางเข้าหลักจะอยู่ด้านหัวมุมแหลมของตึก ระเบียงที่ยื่นออกมาเป็นทรงครึ่งวงกลม ตัดกับแกนหกเหลี่ยมติดกระจกรอบด้านวางอยู่กลางตึก มีร่องรอยฝังลึกอันเกิดจากกาลเวลา ที่ผู้ออกแบบตั้งใจเก็บเอาไว้ สร้างความน่าสนใจให้แก่ผู้พบเห็น จนเราเองก็อยากจะรีบเข้าไปชมข้างในว่าจะว้าวขนาดไหน
ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้าน ก็สัมผัสได้ถึงความเรียบหรู ด้วยการตกแต่งภายใต้นิยาม ‘ความเจ็บปวดที่งดงาม’ ผู้สร้างตั้งใจทิ้งร่องรอยตั้งแต่ผนังจนไปถึงเพดานอย่างชัดเจน แต่งแต้มความหรูหราด้วยการฉาบไฟส้ม ใช้เฟอร์นิเจอร์โทนน้ำตาล-เขียว ส่วนใหญ่เป็นไม้สีเข้มเนื้อเนียน มีเปียโนหลังโตวางคู่กับหนังสือและกระเป๋าทรงวินเทจ เพิ่มความน่าเกรงขามด้วยสัตว์สต๊าฟโครงกระดูกแท้ ๆ ตัวเสาทั่วร้านมีลวดลายฉลุโค้งสวยซึ่งเป็นโครงเก่าเมื่อ 50-60 ปีก่อน กลางห้องเจาะรูขนาดใหญ่เพื่อวางบันไดเหล็กวนขึ้นไปจนถึงชั้นบน นำสายตาสู่ยอดโดมที่เปิดรับแสงธรรมชาติ เป็นการออกแบบที่แยบยลและเราไม่เคยพบเจอที่ไหนเลย
เมนูของทางร้านมีทั้งคาวหวาน หน้าตาสวยงามประหนึ่งผลงานศิลปะ เครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ The Last Day of Summer ชาดอกไม้ที่เสิร์ฟมาเป็นชุดเหยือกชา ก้อนน้ำแข็งที่แช่มากับกลีบดอกหลากสี แยกไซรัปกลิ่นหอมรัญจวนให้เราเทความหวานตามชอบ เสิร์ฟเค้กบนชั้นวางสไตล์วินเทจ เนื้อเค้กแต่ละชิ้นนุ่มละมุน รสค่อนข้างหวาน พอทานกับชาหอม ๆ ที่หยอดไซรัปเพียงนิดเดียวก็ถือว่าพอดี
ก่อนจะมูฟไปยังโลเคชั่นถัดไป ทางเราก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่าเจ้า Lambretta V200 Special เหมาะที่จะขับลัดเลาะในเมืองมาก ด้วยการออกแบบที่ปราดเปรียวหักเลี้ยวได้คล่องตัว แม้ซอกซอยจะแคบขนาดไหนก็แล่นฉิวสบาย ๆ ส่วนรูปลักษณ์ยังมีความน้อยแต่มากด้วยดีเทลเอาใจคนรักความเรโทร แฝงด้วยระบบสมัยใหม่ อย่างหน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบ Semi-Digital Display บอกฟังก์ชั่นครบครัน แถมยังเพิ่มลูกเล่นความคูลด้วยหน้าจอที่สามารถปรับโทนสีได้ รวมถึงระบบส่องสว่างแบบ Full LED ที่ซ่อน logo Lambretta เอาไว้ เป็นความเฉพาะตัวในเอกลักษณ์ที่ยากที่ใครจะเหมือน เหมาะสมกับคนชิคเก๋เน้นความเท่คลาสสิกและฟังก์ชั่นการใช้งานเจ๋ง ๆ อย่างเราจริง ๆ
04 Fun Cafe
คาเฟ่สุดฮิตของคนรักการวาด สานฝันให้สายกินมาออกแบบผลงานกินได้ของตัวเอง Fun Cafe หน้าร้านดูเรียบ ๆ สีเทา ติดคิ้วบัวตามเสาและผนัง เหมือนบ้านคุณหนูแสนเรียบร้อย ภายในแบ่งโซนเพดานสูงและเตี้ยไปตามโครงตึก เน้นโทนสีขาวสว่างตั้งแต่ผนัง ผ้าม่าน เพดาน โต๊ะเก้าอี้ และแต่งแต้มด้วยสีสันจากอุปกรณ์ศิลปะ โดยการแต้มสีเขาตั้งใจทำให้เปรอะตามจุดต่าง ๆ ให้ดูไม่เลอะเทอะ เพราะเลือกใช้แม่สีให้เข้ากันทั้งหมด ทำให้มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก นี่ถ่ายจนลืมขนมไปเลย
มาถึงไฮไลต์ของร้านที่พลาดไม่ได้เลยคือ Canvas cake เค้กหน้าขาวสะอาดมาพร้อมถาดสีและพู่กันให้เราปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างเต็มที่ หรือจะเป็นงานรูปปั้น Oh my Goddess! FUN Sculpture หุ่นวีนัสที่เรามักเห็นในคลาส Drawing ทำจากช็อกโกแลตมีให้เลือก 2 รส 2 สี Blanc Chocolate, White Chocolate โรยด้วยอัลมอนด์ครัมเบิ้ล ให้เราแต่งแต้มสีอย่างอิสระ นอกจากนี้เขาก็มีเมนูของคาวจัดเสิร์ฟได้อาร์ตไม่แพ้กัน อยากลองแบบไหนเลือกได้เลย
05 Old Town, Street Art at Charoenkrung
ขับเพลิน ๆ ตรงมาถึงย่านเจริญกรุง ย่านที่ขอยกให้ว่าคลาสสิกและครบเครื่องที่สุดในกรุงเทพฯ เพราะนอกจากร้านอาหาร คาเฟ่ มิวเซียมที่เรียงรายให้เราได้จิ้มหมุดไปปักหลักแล้ว ก็ถือเป็นถนนที่ไม่หยุดพัฒนา มีอะไรใหม่ ๆ ให้เราได้ตื่นตาอยู่เสมอ และด้วยความหลากหลายของผู้คนที่มีทั้งไทย จีน มุสลิม ทุกตรอกซอกซอยจึงเต็มไปด้วยเรื่องเล่าของวัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิต โดยทั้งหมดนี้ได้ถ่ายทอดออกมาผ่านสตรีทอาร์ต ภาพเขียนบนกำแพงที่แทรกอยู่ตามเส้นต่าง ๆ ขับไปจุดไหนก็มีมุมให้ Snap ทั้งนั้น
อาคารที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นไปรษณีย์กลางบางรัก ที่บัดนี้กลายเป็นแหล่งรวมไอเดียของศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ให้เราเข้าไปหาอินสไปเรชั่นนั่งทำงานกันได้ และถ้าขับเข้ามาในซอยข้าง ๆ อีกนิดก็จะเจอกับ Warehouse30 โกดังเก่าที่ถูกแบ่งสัดส่วนเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะแบบหมุนเวียน มีร้านอาหาร คาเฟ่ไว้คอยบริการ ส่วนมุมที่ต้องแชะคืองานอาร์ตหน้าแนวประตูนี่ละ มากี่ครั้งก็ไม่ซ้ำเลย
สปอตที่เราชอบมาก ๆ ในโซนนี้เลยคือร้าน Fotoclub ตรงหัวมุมเจริญกรุง 32 ร้านที่ปลุกการถ่ายภาพฟิล์มให้กลับมามีชีวิต เกิดจากความชื่นชอบในการถ่ายภาพด้วยกล้อง analog ลองศึกษาสะสมอุปกรณ์มาเรื่อย ๆ จนเปิดเป็นร้านใหญ่โตอย่างที่เห็น มีบริการครบวงจรทั้งขายฟิล์ม ล้างฟิล์ม ขายหนังสือต่างประเทศเกี่ยวกับการถ่ายภาพ เป็นแกลลอรี่ จัดเวิร์คช็อป พูดคุยทริคการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม สอนลูกเล่นที่หลากหลาย สรุปคือเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ส่วนมุมเก๋ ๆ ต้องขอยกให้ตู้ Drop ฟิล์มสีเหลืองตัดกับกระเบื้องเทา ดูอินเตอร์จนต้องเข้าไปร่วมเฟรมสักหนึ่ง
พูดถึงรูปลักษณ์ที่สวยจนเป็นตำนานไปแล้ว มาดูเรื่องเครื่องยนต์กันบ้าง จากที่เราขับน้องไปท่องเหนือจรดใต้บ่อย ๆ ลองเอามาซอกแซกในเมืองใหญ่ บอกเลยว่าเจอสภาพการจราจรแบบไหนก็สบายหายห่วงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 168.9 ซีซี 13 แรงม้า 1 สูบ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ระบายความร้อนด้วยอากาศ จะเร่งหรือผ่อนเครื่องจังหวะไหนก็ทำได้ดั่งใจ เหมาะกับมือใหม่เพราะเป็นเกียร์ Automatic CVT ปรับถนัดมือ ปลอดภัยด้วยระบบเบรค CBS ดิสก์เบรคหน้าหลัง และระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic ระบบกันสะเทือนหลังแบบคู่ แถมยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานท่อไอเสีย Euro 4 ไม่สร้างมลภาวะเพิ่ม ตอบโจทย์คนเมืองที่กลัว PM 2.5 อย่างเราจริง ๆ
และที่พลาดไม่ได้ อยากให้มาลั่นชัตเตอร์รัว ๆ คือแถวสตรีทอาร์ตที่เราเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรก การเปลี่ยนกำแพงเก่าที่ผุพังดูแล้วไม่ค่อยน่าพิศมัย มาแต่งแต้มสีสันถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชน ผ่านแปรงทาสี ให้ย่านที่ทรุดโทรมกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ภาพเหล่านี้แทรกอยู่ตามซอกซอยไล่มาตั้งแต่ย่านตลาดน้อย จนถึงเจริญกรุง อย่างตรอกศาลเจ้าโรงเกือก และในซอยเจริญกรุง32 ก็จะเป็นงานเพ้นท์เยอะหน่อย มีทั้งแนวกราฟฟิตี้ คาแรคเตอร์น่ารัก ๆ งานนี้รับรองเลยว่าสายสตรีทโฟโต้ต้องฟินแน่นอน
06 River City Bangkok
มิวเซียมที่ส่งเสริมงานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างดีเยี่ยม ณ นาทีนี้เราขอมอบมงให้กับ River City Bangkok ศูนย์การค้าแห่งแรกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่มานานเกือบ 40 ปี ปัจจุบันแทบทั้งตึกกลายเป็นแกลลอรี่ จัดนิทรรศการ มีทั้งห้องขนาดเล็กและใหญ่ ร้านค้าของเหล่าศิลปิน คาเฟ่แบบสโลว์บาร์ ร้านขายของสะสมทั้งวัตถุโบราณ-ของสมัยใหม่ที่บางชิ้นราคาหลักล้านกันเลยทีเดียว
งานที่มาจัดแสดงมีตั้งแต่ของศิลปินหน้าใหม่ ผลงานก้าวไกลได้ถึงระดับโลก งาน Abstract อันน่าทึ่งที่หาชมยาก ผลงานของศิลปินแสนโด่งดั่งตลอดกาลอย่างแวนโก๊ะก็เคยมาจัดแสดงที่นี่เช่นกัน โดยในห้องจัดแสดงส่วนใหญ่เป็นแบบหมุนเวียน ซึ่งวันที่เรามามี Exhibition อยู่ 3-4 งานเลย อย่างที่เห็นนี้คือ Beyond Tigers: The Journey of the Tiger in You จากอาร์ติสมากประสบการณ์ ธนา โพธิ์ทอง ที่บอกเล่าตัวตนของผู้คนผ่าน “เสือ” ใน 3 ช่วงเวลาของชีวิต ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ อย่างวัยเด็กจะเป็นวัยแห่งความฝันและจินตนาการ โตมาก็ไล่ตามหาความสำเร็จ และสุดท้ายในวัยผู้ใหญ่พูดถึงความมีสติในการใช้ชีวิต และความรับผิดชอบที่มีมากขึ้น ถ้าอ่านคอนเซ็ปต์แล้วเข้าไปชมก็จะรู้สึกว่ามันตรงกับชีวิตของเราตอนนี้จริง ๆ
ถ้าใครอยากรู้ว่าช่วงนี้เขามีงานนิทรรศการอะไร ก็สามารถเข้าไปเช็คได้ที่เว็บไซต์ River City Bangkok บอกเลยว่างานที่คัดมามีแต่เจ๋ง ๆ ว้าว ๆ ช่วยเยียวยาจิตใจแก่สายเสพอาร์ตได้อย่างดี อย่างงานของคุณโบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย เด็กหญิงที่วาดรูปตั้งแต่อายุ 3 ขวบ อีกศิลปินรุ่นใหม่ที่โด่งดังจากผลงานสไตล์เซอร์เรียลลิสต์ มีความสดใสอย่างน่าพิศวง หรือจะเป็นงานของศิลปินชาวต่างชาติ อย่างนิทรรศการ Misremembered but not Forgotten ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตผ่านสีน้ำหมึก เป็นผลงานนามธรรมที่ต้องใช้การตีความอย่างลึกซึ้ง
หากเพื่อน ๆ แพลนมาที่นี่ในช่วงเย็น อีกกิจกรรมที่เราอยากให้ทำ คือมานั่งชิลริมน้ำ จะซื้อเครื่องดื่ม ของทานเล่นจากร้านอาหารข้าง ๆ มานั่งกิน ฟีลลิ่งปิกนิกไปด้วยก็ไม่ขัด เพราะวิวพระอาทิตย์ตกริมน้ำเจ้าพระยาย่านเมืองเก่าแบบนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดแล้ว
จบ 6 โลเคชั่นแบบฟินนาเล่ ลองมานั่งนับนิ้วดูนี่ก็ถือเป็นทริปที่ 10 กับการออกเดินทางตั้งแต่ต้นปีกับ Lambretta V200 Special ทุกคนคงเห็นว่าทุกทริป พร็อพเราจะจัดหนักจัดเต็มมาก ซึ่งสกู๊ตเตอร์คันนี้เขาก็มีช่องเก็บของใต้เบาะให้อย่างกว้างขวาง ใส่ได้ตั้งแต่หมวกกันน็อค กระเป๋าถือ หนังสือ ขวดน้ำ เก็บของจิปาถะได้หมด แล้วยังมีตะแกรงทั้งด้านหน้าและหลังให้เราผูกสัมภาระไว้กับตัวรถได้ ส่วนเบาะที่นั่งเป็นทรงยาวสัมผัสนุ่ม ตอบรับสรีระทั้งผู้ขับและผู้นั่ง ให้เราเดินทางไกลได้สบาย ๆ ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เรียกว่าเขาเก็บครบตอบโจทย์การเดินทางทุกรูปแบบจริง ๆ
อยากมีทริปถ่ายรูปเล่นสนุก ๆ ดีในดี คูลในคูล ก็ต้องยกหน้าที่หลักให้สกู๊ตเตอร์คู่ใจคันนี้เลย นอกจากสีขาวสะท้อนแสงแดดสร้างความโดดเด่นแล้ว เค้าก็ยังมี Milano Black เท่ ๆ สำหรับสิงห์นักขับ หรือจะซาบซ่าสดใสดั่งสวนส้มแช่มชื่นในอิตาลีก็ลอง Sicilion Orange เลือกสีที่บ่งบอกความเป็นตัวเราให้มากที่สุด แล้วออกมามีความสุขกับการเดินทางกัน
จะมาสักกี่รอบย่านเมืองเก่าแถบนี้ก็ทำให้เราตกหลุมรักได้ทุกที ใจมันเหลวไปกับร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ใหม่ ๆ สตรีทอาร์ตที่ไม่เคยทำให้ที่นี่หลับใหล แต่กลับทำให้ที่ที่เคยเสื่อมโทรมกลับมาป๊อปปูล่าร์เป็นสถานที่เที่ยวในดวงใจของคนไทยและเทศ แกลลอรี่ที่ชุบชีวิตของศิลปะบ้านเราให้กลับมาคึกคัก บอกเลยว่าตลอดทั้งวันนี้เราเต็มอิ่มไปกับทุก ๆ ที่จริง ๆ เสาร์อาทิตย์นี้ใครว่างก็ลองมาตามรอยเรากันนะ