จะเที่ยวไปไหน x Lambretta 6 Locations in BKK Old Town

เที่ยวกรุงฯ วันนี้ เราอยากชวนเพื่อน ๆ แต่งตัวชิค ๆ แล้วออกมาเปลี่ยนเมืองเก่าคลาสสิกแสนเก๋ให้ดูเท่ไม่ซ้ำใครในย่าน เจริญกรุง-นานา เส้นถนนที่คละคลุ้งไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นแบบตะวันตกร่วมสมัย ที่ ณ บัดนี้ได้ถูกปรับโฉมให้สวยด้วยพิกัดปัง ๆ ร้านรวงคอนเซ็ปต์ดี ซึ่งคราวนี้คัดมาให้ 6 โลเคชั่นสุดสมาร์ท ได้อิ่มท้องกับร้านอาหาร คาเฟ่แนวยุโรป อิ่มตาพักสมองด้วยการชมอาร์ตจากคนรุ่นใหม่ อิ่มอกอิ่มใจกับการสร้างผลงานศิลปะกินได้ ตามถ่ายภาพเช็คอินวอลล์อาร์ตที่แทรกอยู่แทบทุกตรอกซอย แต่ละที่มีกิมมิกคูล ๆ เหมาะแก่การขี่สกู๊ตเตอร์คันโปรดอย่าง Lambretta V200 Special โคฟเป็นชายคลาสสิก-สาวคลาสซี่ลัดเลาะเป็นที่สุด

01 Ron Ron Slow Bar

ฤกษ์งามยามดีอยากออกมาสร้างสีสันฟีลตะวันตกในกรุงฯ เราจึงขอปักพิกัดแรกไปยัง Ron Ron Slow Bar คาเฟ่ที่เป็นเลิศด้านงานสถาปัตย์ ตั้งอยู่ชั้น 3 ของอาคารพาณิชย์ทรงเก่า หน้าร้านโดดเด่นด้วยกระเบื้องสีส้ม มีป้ายโลโก้ร้านเป็นภาพหญิงสาวสไตล์ Gatsby และผ้าใบชื่อร้านตั้งอยู่อย่างเรียบง่าย พอเอาตัวเองกับ Lambretta V200 Special สีขาวคู่ใจเข้าเฟรม ก็ทำให้ได้ภาพคูล ๆ อัพโซเชียลพร้อมแคปชั่นเท่ ๆ ได้ไม่ยาก

แต่พอเดินขึ้นไปถึงชั้น 3 แล้วถึงกับร้อง ‘คุณพระ!’ เหมือนหลุดมาอยู่บ้านคุณนายฝรั่งในภาพยนตร์เลย ด้วยการตกแต่งสไตล์ Art Nouveau ปรับความแข็งทื่อของอาคารด้วยความโค้งมนตามขอบประตูหน้าต่าง บันไดวนกลางร้าน ผนังสีโอลด์โรส เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มเนื้อเรียบเงา และของตกแต่งสไตล์ยุโรปวินเทจ เช่น รูปปั้น เชิงเทียน นาฬิกาตั้งโต๊ะ กรอบรูป ฯลฯ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นสุด ๆ

นอกจากการออกแบบจะสเปเชี่ยลแล้ว เรื่องกาแฟเขาก็เป็นแบบ Specialist เช่นกัน เราสามารถรีเควสต์กับบาริสต้าได้ว่าชอบแบบไหน ส่วนตัวแนะนำต้องนี่เลย Nutty Caramel Americano ซิกเนเจอร์เบลนของทางร้านมีกลิ่นหอมละมุนชุ่มคอ กินคู่กับ Bacon Maple pie แป้งหมักสูตรพิเศษ ใช้เวลาหมักถึง 24 ชม. หอมกลิ่นเตาถ่าน ท็อปด้วยครีมซอส เบคอนและเมเปิ้ลไซรัป คาวหวานเข้ากันอย่างดี หรือใครแวะมาช่วงเช้าอยากจัดหนักก็ลอง Raspberry Yuzu คู่กับ Ron Ron Breakfast อาหารเช้าหน้าตาลูกคุณ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ปริมาณจุใจก็ไม่เลวเหมือนกัน

02 Contento (โรงสำราญ)

Contento (คอนเทนโต้) เป็นภาษาอิตาลีแปลว่า มีความสุข เป็นร้านที่ตั้งใจเสิร์ฟความสุขให้แก่ผู้มาเยือนด้วยอาหารอิตาเลียนจากเชฟผู้มากประสบการณ์ และบรรยากาศอันดีเยี่ยม เราประทับใจตั้งแต่แรกเห็นกับอาคารเก่าทรงยุโรป 3 ชั้น 5 คูหาสีเทาเข้ม ตัดสลับสีขาวจากระเบียงและกรอบหน้าต่างดูน่าค้นหา รายละเอียดการตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราเห็นทั้งภายนอกและภายใน เกิดจากประสบการณ์ของเจ้าของ คุณอู้-นพปฎล พหลโยธิน ที่เติบโตในต่างประเทศ ได้เดินทางมามากมาย นำความประทับใจที่พบเจอมาใช้ในการตกแต่งเปลี่ยนบรรยากาศหน้าถนนไมตรีจิตต์ อันเป็นที่อยู่ของคนไทยเชื้อสายจีน ให้กลายเป็นโลกตะวันตกได้อย่างแนบเนียน

อาคารสวยทุกสัดส่วนจนต้องขอจัดเซ็ตภาพฟีลสาวคาสสิกกันสักนิด และขอเพิ่มความเท่เข้าไปแบบทวีคูณอีกหน่อยด้วยการมี Lambretta V200 Special ข้างกาย สกู๊ตเตอร์ที่ออกแบบดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Wonderful Retro’ เสริมความเรียบโก้ดูมินิมอลให้เข้ากับยุคสมัย ใช้วัสดุอิมพอร์ตมาจากอิตาลี พร้อมวิวัฒนาการไม่ซ้ำใคร อย่างโครงเหล็กก็ใช้แนวคิดเดียวกับการทำเครื่องบิน ทำให้รถมีน้ำหนักเบาและทนทาน ดูแลรักษาง่าย ระบบภายในเป็นจอแสดงผลสมัยใหม่เข้าใจง่าย ตอบโจทย์ทุกการเดินทางสุด ๆ ออ.. จะบอกว่าสีขาว Lucido White คันโปรดของเราคันนี้สีตัดกับตัวตึกเข้ากับขอบประตูหน้าต่างมาก ๆ

เปิดประตูเข้ามา เราจะเจอกับบรรยากาศ Italian Country แสนจะอบอุ่นผ่อนคลายด้วยไฟส้ม ขับสะท้อนกับผนังกระเบื้องสีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ บางตัวมีลายฉลุดูหรูหรา วางชุดจานวินเทจเป็นระเบียบสวยงาม กวาดตามองไปทางไหนก็เจอแต่กิมมิกน่าสนใจจากสารพัดของสะสมที่นำมาตกแต่ง เรามาช่วงสิงหาคมซึ่งตรงกับซัมเมอร์ในอิตาลี เขาเปลี่ยนร้านให้กลายเป็นสวนเลม่อน เน้นความสดชื่นในฤดสไตล์ยุโรป สมแล้วที่พี่เจ้าของใช้เวลาอยู่ต่างประเทศมานาน เขาสร้างฟีลลิ่งได้เหมือนมาก เพลงเอย การจัดวางเอย มู้ดของร้านคือเล่นใหญ่มาก โดยเขาจะเปลี่ยนธีมไปเรื่อย ๆ ตามเทศกาลพิเศษ มากี่ทีก็ได้รูปไม่ซ้ำแน่นอน 

อาหารของทางร้านจะเป็นแบบ Contemporary Comfort Cooking เน้นการปรุงแต่งจานต่อจานอย่างพิถีพิถัน มีกลิ่นอายของเครื่องปรุงเมืองหนาว จนเกิดรสชาติที่หาได้ตามคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน เมนูหลักที่เราชอบสุดคือ FILETTO ROSSINI สเต็กเนื้อสันออสเตรเลียท็อปฟัวกราส์ย่าง ราดด้วยซอสไวน์แดง และ Seasonal menu อย่างหน้าเลม่อนนี้ เราลองสั่ง Capri Crab Spaghetti ส่วนผสมของเนื้อปู, Wilted Basil, sizzling lemon butter ผัดกับเส้นสปาเกตตีที่ลวกได้อย่างพอดี ตบท้ายด้วยการขูดผิวเลม่อนลงไปให้ได้ทั้งเท็กเจอร์และกลิ่นแบบเน้น ๆ และ Sgroppino ค็อกเทลเปรี้ยวซ่า เพิ่มความสดชื่นได้อย่างเต็มสูบ

03 The Mustang Blu

อีกโลเคชั่นสุดคลาสสิกที่อยากแนะนำในย่านเมืองเก่า The Mustand Blu คาเฟ่ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารสีขาวสูง 3 ชั้น ออกแบบสไตล์ Colonial ทอดยาวไปตามหน้าถนนไมตรีจิตต์กว่า 900 เมตร มีอายุร่วม 100 ปี โดดเด่นด้วยแปลนตึกทรงสามเหลี่ยม ทางเข้าหลักจะอยู่ด้านหัวมุมแหลมของตึก ระเบียงที่ยื่นออกมาเป็นทรงครึ่งวงกลม ตัดกับแกนหกเหลี่ยมติดกระจกรอบด้านวางอยู่กลางตึก มีร่องรอยฝังลึกอันเกิดจากกาลเวลา ที่ผู้ออกแบบตั้งใจเก็บเอาไว้ สร้างความน่าสนใจให้แก่ผู้พบเห็น จนเราเองก็อยากจะรีบเข้าไปชมข้างในว่าจะว้าวขนาดไหน

ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้าน ก็สัมผัสได้ถึงความเรียบหรู ด้วยการตกแต่งภายใต้นิยาม ‘ความเจ็บปวดที่งดงาม’ ผู้สร้างตั้งใจทิ้งร่องรอยตั้งแต่ผนังจนไปถึงเพดานอย่างชัดเจน แต่งแต้มความหรูหราด้วยการฉาบไฟส้ม ใช้เฟอร์นิเจอร์โทนน้ำตาล-เขียว ส่วนใหญ่เป็นไม้สีเข้มเนื้อเนียน มีเปียโนหลังโตวางคู่กับหนังสือและกระเป๋าทรงวินเทจ เพิ่มความน่าเกรงขามด้วยสัตว์สต๊าฟโครงกระดูกแท้ ๆ ตัวเสาทั่วร้านมีลวดลายฉลุโค้งสวยซึ่งเป็นโครงเก่าเมื่อ 50-60 ปีก่อน กลางห้องเจาะรูขนาดใหญ่เพื่อวางบันไดเหล็กวนขึ้นไปจนถึงชั้นบน นำสายตาสู่ยอดโดมที่เปิดรับแสงธรรมชาติ เป็นการออกแบบที่แยบยลและเราไม่เคยพบเจอที่ไหนเลย

เมนูของทางร้านมีทั้งคาวหวาน หน้าตาสวยงามประหนึ่งผลงานศิลปะ เครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ The Last Day of Summer ชาดอกไม้ที่เสิร์ฟมาเป็นชุดเหยือกชา ก้อนน้ำแข็งที่แช่มากับกลีบดอกหลากสี แยกไซรัปกลิ่นหอมรัญจวนให้เราเทความหวานตามชอบ เสิร์ฟเค้กบนชั้นวางสไตล์วินเทจ เนื้อเค้กแต่ละชิ้นนุ่มละมุน รสค่อนข้างหวาน พอทานกับชาหอม ๆ ที่หยอดไซรัปเพียงนิดเดียวก็ถือว่าพอดี

ก่อนจะมูฟไปยังโลเคชั่นถัดไป ทางเราก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่าเจ้า Lambretta V200 Special เหมาะที่จะขับลัดเลาะในเมืองมาก ด้วยการออกแบบที่ปราดเปรียวหักเลี้ยวได้คล่องตัว แม้ซอกซอยจะแคบขนาดไหนก็แล่นฉิวสบาย ๆ ส่วนรูปลักษณ์ยังมีความน้อยแต่มากด้วยดีเทลเอาใจคนรักความเรโทร แฝงด้วยระบบสมัยใหม่ อย่างหน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบ Semi-Digital Display บอกฟังก์ชั่นครบครัน แถมยังเพิ่มลูกเล่นความคูลด้วยหน้าจอที่สามารถปรับโทนสีได้ รวมถึงระบบส่องสว่างแบบ Full LED ที่ซ่อน logo Lambretta เอาไว้ เป็นความเฉพาะตัวในเอกลักษณ์ที่ยากที่ใครจะเหมือน เหมาะสมกับคนชิคเก๋เน้นความเท่คลาสสิกและฟังก์ชั่นการใช้งานเจ๋ง ๆ อย่างเราจริง ๆ

04 Fun Cafe

คาเฟ่สุดฮิตของคนรักการวาด สานฝันให้สายกินมาออกแบบผลงานกินได้ของตัวเอง Fun Cafe หน้าร้านดูเรียบ ๆ สีเทา ติดคิ้วบัวตามเสาและผนัง เหมือนบ้านคุณหนูแสนเรียบร้อย ภายในแบ่งโซนเพดานสูงและเตี้ยไปตามโครงตึก เน้นโทนสีขาวสว่างตั้งแต่ผนัง ผ้าม่าน เพดาน โต๊ะเก้าอี้ และแต่งแต้มด้วยสีสันจากอุปกรณ์ศิลปะ โดยการแต้มสีเขาตั้งใจทำให้เปรอะตามจุดต่าง ๆ ให้ดูไม่เลอะเทอะ เพราะเลือกใช้แม่สีให้เข้ากันทั้งหมด ทำให้มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก นี่ถ่ายจนลืมขนมไปเลย

มาถึงไฮไลต์ของร้านที่พลาดไม่ได้เลยคือ Canvas cake เค้กหน้าขาวสะอาดมาพร้อมถาดสีและพู่กันให้เราปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างเต็มที่ หรือจะเป็นงานรูปปั้น Oh my Goddess! FUN Sculpture หุ่นวีนัสที่เรามักเห็นในคลาส Drawing ทำจากช็อกโกแลตมีให้เลือก 2 รส 2 สี Blanc Chocolate, White Chocolate โรยด้วยอัลมอนด์ครัมเบิ้ล ให้เราแต่งแต้มสีอย่างอิสระ นอกจากนี้เขาก็มีเมนูของคาวจัดเสิร์ฟได้อาร์ตไม่แพ้กัน อยากลองแบบไหนเลือกได้เลย

05 Old Town, Street Art at Charoenkrung

ขับเพลิน ๆ ตรงมาถึงย่านเจริญกรุง ย่านที่ขอยกให้ว่าคลาสสิกและครบเครื่องที่สุดในกรุงเทพฯ เพราะนอกจากร้านอาหาร คาเฟ่ มิวเซียมที่เรียงรายให้เราได้จิ้มหมุดไปปักหลักแล้ว ก็ถือเป็นถนนที่ไม่หยุดพัฒนา มีอะไรใหม่ ๆ ให้เราได้ตื่นตาอยู่เสมอ และด้วยความหลากหลายของผู้คนที่มีทั้งไทย จีน มุสลิม ทุกตรอกซอกซอยจึงเต็มไปด้วยเรื่องเล่าของวัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิต โดยทั้งหมดนี้ได้ถ่ายทอดออกมาผ่านสตรีทอาร์ต ภาพเขียนบนกำแพงที่แทรกอยู่ตามเส้นต่าง ๆ ขับไปจุดไหนก็มีมุมให้ Snap ทั้งนั้น

อาคารที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นไปรษณีย์กลางบางรัก ที่บัดนี้กลายเป็นแหล่งรวมไอเดียของศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ให้เราเข้าไปหาอินสไปเรชั่นนั่งทำงานกันได้ และถ้าขับเข้ามาในซอยข้าง ๆ อีกนิดก็จะเจอกับ Warehouse30 โกดังเก่าที่ถูกแบ่งสัดส่วนเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะแบบหมุนเวียน มีร้านอาหาร คาเฟ่ไว้คอยบริการ ส่วนมุมที่ต้องแชะคืองานอาร์ตหน้าแนวประตูนี่ละ มากี่ครั้งก็ไม่ซ้ำเลย

lambretta
lambretta

สปอตที่เราชอบมาก ๆ ในโซนนี้เลยคือร้าน Fotoclub ตรงหัวมุมเจริญกรุง 32 ร้านที่ปลุกการถ่ายภาพฟิล์มให้กลับมามีชีวิต เกิดจากความชื่นชอบในการถ่ายภาพด้วยกล้อง analog ลองศึกษาสะสมอุปกรณ์มาเรื่อย ๆ จนเปิดเป็นร้านใหญ่โตอย่างที่เห็น มีบริการครบวงจรทั้งขายฟิล์ม ล้างฟิล์ม ขายหนังสือต่างประเทศเกี่ยวกับการถ่ายภาพ เป็นแกลลอรี่ จัดเวิร์คช็อป พูดคุยทริคการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม สอนลูกเล่นที่หลากหลาย สรุปคือเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ส่วนมุมเก๋ ๆ ต้องขอยกให้ตู้ Drop ฟิล์มสีเหลืองตัดกับกระเบื้องเทา ดูอินเตอร์จนต้องเข้าไปร่วมเฟรมสักหนึ่ง

พูดถึงรูปลักษณ์ที่สวยจนเป็นตำนานไปแล้ว มาดูเรื่องเครื่องยนต์กันบ้าง จากที่เราขับน้องไปท่องเหนือจรดใต้บ่อย ๆ ลองเอามาซอกแซกในเมืองใหญ่ บอกเลยว่าเจอสภาพการจราจรแบบไหนก็สบายหายห่วงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 168.9 ซีซี 13 แรงม้า 1 สูบ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ระบายความร้อนด้วยอากาศ จะเร่งหรือผ่อนเครื่องจังหวะไหนก็ทำได้ดั่งใจ เหมาะกับมือใหม่เพราะเป็นเกียร์ Automatic CVT ปรับถนัดมือ ปลอดภัยด้วยระบบเบรค CBS ดิสก์เบรคหน้าหลัง และระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic ระบบกันสะเทือนหลังแบบคู่ แถมยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานท่อไอเสีย Euro 4 ไม่สร้างมลภาวะเพิ่ม ตอบโจทย์คนเมืองที่กลัว PM 2.5 อย่างเราจริง ๆ

และที่พลาดไม่ได้ อยากให้มาลั่นชัตเตอร์รัว ๆ คือแถวสตรีทอาร์ตที่เราเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรก การเปลี่ยนกำแพงเก่าที่ผุพังดูแล้วไม่ค่อยน่าพิศมัย มาแต่งแต้มสีสันถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชน ผ่านแปรงทาสี ให้ย่านที่ทรุดโทรมกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ภาพเหล่านี้แทรกอยู่ตามซอกซอยไล่มาตั้งแต่ย่านตลาดน้อย จนถึงเจริญกรุง อย่างตรอกศาลเจ้าโรงเกือก และในซอยเจริญกรุง32 ก็จะเป็นงานเพ้นท์เยอะหน่อย มีทั้งแนวกราฟฟิตี้ คาแรคเตอร์น่ารัก ๆ งานนี้รับรองเลยว่าสายสตรีทโฟโต้ต้องฟินแน่นอน

lambretta
lambretta

06 River City Bangkok

มิวเซียมที่ส่งเสริมงานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างดีเยี่ยม ณ นาทีนี้เราขอมอบมงให้กับ River City Bangkok ศูนย์การค้าแห่งแรกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่มานานเกือบ 40 ปี ปัจจุบันแทบทั้งตึกกลายเป็นแกลลอรี่ จัดนิทรรศการ มีทั้งห้องขนาดเล็กและใหญ่ ร้านค้าของเหล่าศิลปิน คาเฟ่แบบสโลว์บาร์ ร้านขายของสะสมทั้งวัตถุโบราณ-ของสมัยใหม่ที่บางชิ้นราคาหลักล้านกันเลยทีเดียว

งานที่มาจัดแสดงมีตั้งแต่ของศิลปินหน้าใหม่ ผลงานก้าวไกลได้ถึงระดับโลก งาน Abstract อันน่าทึ่งที่หาชมยาก ผลงานของศิลปินแสนโด่งดั่งตลอดกาลอย่างแวนโก๊ะก็เคยมาจัดแสดงที่นี่เช่นกัน โดยในห้องจัดแสดงส่วนใหญ่เป็นแบบหมุนเวียน ซึ่งวันที่เรามามี Exhibition อยู่ 3-4 งานเลย อย่างที่เห็นนี้คือ Beyond Tigers: The Journey of the Tiger in You จากอาร์ติสมากประสบการณ์ ธนา โพธิ์ทอง ที่บอกเล่าตัวตนของผู้คนผ่าน “เสือ” ใน 3 ช่วงเวลาของชีวิต ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ อย่างวัยเด็กจะเป็นวัยแห่งความฝันและจินตนาการ โตมาก็ไล่ตามหาความสำเร็จ และสุดท้ายในวัยผู้ใหญ่พูดถึงความมีสติในการใช้ชีวิต และความรับผิดชอบที่มีมากขึ้น ถ้าอ่านคอนเซ็ปต์แล้วเข้าไปชมก็จะรู้สึกว่ามันตรงกับชีวิตของเราตอนนี้จริง ๆ

ถ้าใครอยากรู้ว่าช่วงนี้เขามีงานนิทรรศการอะไร ก็สามารถเข้าไปเช็คได้ที่เว็บไซต์ River City Bangkok บอกเลยว่างานที่คัดมามีแต่เจ๋ง ๆ ว้าว ๆ ช่วยเยียวยาจิตใจแก่สายเสพอาร์ตได้อย่างดี อย่างงานของคุณโบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย เด็กหญิงที่วาดรูปตั้งแต่อายุ 3 ขวบ อีกศิลปินรุ่นใหม่ที่โด่งดังจากผลงานสไตล์เซอร์เรียลลิสต์ มีความสดใสอย่างน่าพิศวง หรือจะเป็นงานของศิลปินชาวต่างชาติ อย่างนิทรรศการ Misremembered but not Forgotten ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตผ่านสีน้ำหมึก เป็นผลงานนามธรรมที่ต้องใช้การตีความอย่างลึกซึ้ง

หากเพื่อน ๆ แพลนมาที่นี่ในช่วงเย็น อีกกิจกรรมที่เราอยากให้ทำ คือมานั่งชิลริมน้ำ จะซื้อเครื่องดื่ม ของทานเล่นจากร้านอาหารข้าง ๆ มานั่งกิน ฟีลลิ่งปิกนิกไปด้วยก็ไม่ขัด เพราะวิวพระอาทิตย์ตกริมน้ำเจ้าพระยาย่านเมืองเก่าแบบนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดแล้ว

lambretta

จบ 6 โลเคชั่นแบบฟินนาเล่ ลองมานั่งนับนิ้วดูนี่ก็ถือเป็นทริปที่ 10 กับการออกเดินทางตั้งแต่ต้นปีกับ Lambretta V200 Special ทุกคนคงเห็นว่าทุกทริป พร็อพเราจะจัดหนักจัดเต็มมาก ซึ่งสกู๊ตเตอร์คันนี้เขาก็มีช่องเก็บของใต้เบาะให้อย่างกว้างขวาง ใส่ได้ตั้งแต่หมวกกันน็อค กระเป๋าถือ หนังสือ ขวดน้ำ เก็บของจิปาถะได้หมด แล้วยังมีตะแกรงทั้งด้านหน้าและหลังให้เราผูกสัมภาระไว้กับตัวรถได้ ส่วนเบาะที่นั่งเป็นทรงยาวสัมผัสนุ่ม ตอบรับสรีระทั้งผู้ขับและผู้นั่ง ให้เราเดินทางไกลได้สบาย ๆ ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เรียกว่าเขาเก็บครบตอบโจทย์การเดินทางทุกรูปแบบจริง ๆ 

อยากมีทริปถ่ายรูปเล่นสนุก ๆ ดีในดี คูลในคูล ก็ต้องยกหน้าที่หลักให้สกู๊ตเตอร์คู่ใจคันนี้เลย นอกจากสีขาวสะท้อนแสงแดดสร้างความโดดเด่นแล้ว เค้าก็ยังมี Milano Black เท่ ๆ สำหรับสิงห์นักขับ หรือจะซาบซ่าสดใสดั่งสวนส้มแช่มชื่นในอิตาลีก็ลอง Sicilion Orange เลือกสีที่บ่งบอกความเป็นตัวเราให้มากที่สุด แล้วออกมามีความสุขกับการเดินทางกัน

จะมาสักกี่รอบย่านเมืองเก่าแถบนี้ก็ทำให้เราตกหลุมรักได้ทุกที ใจมันเหลวไปกับร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ใหม่ ๆ สตรีทอาร์ตที่ไม่เคยทำให้ที่นี่หลับใหล แต่กลับทำให้ที่ที่เคยเสื่อมโทรมกลับมาป๊อปปูล่าร์เป็นสถานที่เที่ยวในดวงใจของคนไทยและเทศ แกลลอรี่ที่ชุบชีวิตของศิลปะบ้านเราให้กลับมาคึกคัก บอกเลยว่าตลอดทั้งวันนี้เราเต็มอิ่มไปกับทุก ๆ ที่จริง ๆ เสาร์อาทิตย์นี้ใครว่างก็ลองมาตามรอยเรากันนะ

lambretta

Share:

Facebook
Twitter
Lambretta

Related Posts

Lambretta G350 Mario

Lambretta G350 Mario

Lambretta G350 Mario ตัวจริง!!! LAMBRETTA G350 ของ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ ที่ขี่ข้ามเส้นทางกว่า 4,000 กม. จากประเทศไทย สู่ปลายทางที่ ซัมบาลา

Lambretta X300 Racing

Lambretta X300 Racing

ไอเดียการคัสตอมเรซซิ่งสไตล์ กับสีสันจี๊ดจ๊าด ในโทนสีเขียวตัดกับสีม่วงของ LAMBRETTA X300 คันนี้ โดย Jimmy 748 จากทีมแลมกล้วย

V200 2021

104,000 บาท*

ราคา ON THE ROAD PRICE นี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)ค่าจดทะเบียน, พรบ., ประกันรถหาย

* อัตราผ่อนชำระเป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้น ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่น

The Who Lambretta mobile

The Who กับอัลบั้ม Quadrophenia แรงบันดาลใจสำคัญของชีวิตเหล่าเด็กหนุ่มบน Lambretta ผู้กำลังค้นหาตัวเอง

The Who คือวงดนตรีในปี 1964 จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นจากเด็กหนุ่ม 4 คน Roger Daltrey (ร้องนำ) / Pete Townshend (กีตาร์) / John Entwistle (เบส) / Keith Moon (กลอง) พวกเขาเป็นวงดนตรีที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของชาว Mods (Modernism) และผูกพันกับภาพของ Lambretta มากที่สุดเท่าที่วงดนตรีวงหนึ่งเคยมีมา 

The Who Lambretta 1

และความผูกพันนั้นถูกบันทึกผ่านเสียงเพลงที่ส่งต่อเป็นวัฒนธรรมจากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของวง ที่มีรูปเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นคร่อมสกู๊ตเตอร์ด้วยแฟชั่นอิตาเลียนสไตล์ Parkas ของ Mods แต่บอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่แค่ภาพเอาเท่เฉย ๆ ในบทความนี้เราจะมาเล่าเส้นทางระหว่าง The Who กับสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้กัน

The Who Lambretta 1
The Who Lambretta 2

อัลบั้ม Quadrophenia ถูกวางเพลงเอาไว้เป็นแบบที่เรียกว่า “Concept Album” สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้ มันคือการทำอัลบั้มแบบที่ทุกเพลงจะเล่าเรื่องเพียงเรื่องเดียวจากคอนเซปต์ที่ถูกวางเอาไว้ อาจจะเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้น เป็นเหตุการณ์จากประวัติศาสตร์จริง หรือเป็นอะไรก็ตาม แต่สำหรับ The Who อัลบั้มนี้คือการเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า Jimmy คนที่อยู่บนปกอัลบั้มภาพขาว-ดำที่เราเกริ่นเอาไว้ในบรรทัดก่อนหน้านี้

“Jimmy เป็นใคร ?”

จิมมี่ คือเด็กหนุ่มชาวอังกฤษที่อยู่ในกลุ่มมอเตอร์ไซต์ Mods เขาเป็นชนชั้นแรงงานหาเช้ากินค่ำ (Working-Class) จิมมี่หลงใหลในยาเสพติด ชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาท และมีปัญหากับครอบครัวตลอดเวลา โดยเฉพาะทัศนคติของพ่อแม่ที่มีต่อเขา จิมมี่ไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว

ชีวิตของจิมมี่ดิ่งลงเหวลงไปเรื่อย ๆ โดนไล่ออกจากบ้าน แถมเขายังลาออกจากงานประจำ และกลายเป็นคนหางานทำไม่ได้ จิมมี่พยายามค้นหาตัวเองและที่ทางบนโลกใบนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกแฟนสาวทิ้งเพื่อไปคบกันเพื่อนสนิท ทุกอย่างมันเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ 

The Who Lambretta 3

สุดท้ายจิมมี่จึงตัดสินใจบอกลาสกู๊ตเตอร์คันที่มีความหมายของตัวเอง และตั้งใจว่าจะปลิดชีวิตซะ ก่อนจะเปลี่ยนใจจับตั๋วรถไฟเดินทางกลับบ้านเกิดไปที่เมือง Brighton เพื่อซึมซับช่วงเวลาที่มีความสุขกับ Mods อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าทุกอย่างในชีวิตต่างปฎิเสธเขาหมดแล้ว คนที่จิมมี่เคยยึดเป็นแรงใจในชีวิตก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ จิมมี่ทำได้แต่เพียงนั่งอยู่บนโขดหินท่ามกลางสายฝน และปล่อยให้คลื่นที่กระทบกับฝั่งซัดสาดความคิดอันฟุ้งกระจาย และความทุกข์ทั้งหลายของเขาลงน้ำไปเท่านั้น …

นี่คืออัลบั้มที่จะเปลี่ยนให้ชีวิตของชาว Mods ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

The Who Lambretta 2
The Who Lambretta 4

ในปี 1979 มีหนังเรื่องหนึ่งใช้ชื่อ Quadrophenia ซึ่งแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เอาชื่อมาจากอัลบั้มในปี 1973 ของ The Who ที่เราเพิ่งเล่าเรื่องราวไปก่อนหน้า จริง ๆ แล้ว The Who เป็นวงดนตรีที่เป็นเพลงประจำของกลุ่ม Mods มานานแล้วก่อนจะปล่อยอัลบั้มนี้

Fact น่าสนใจที่เรายังไม่ได้เล่าไปในพาร์ทก่อนหน้านี้คือ ฟรอนต์แมนจอมป่วนแห่งวงบริทิชร็อกตำนานโลก Oasis อย่าง Liam Gallagher เองก็มีอัลบั้ม Quadrophenia เป็นชุดที่โปรดปราน และไม่ว่าจะสัมภาษณ์ที่ไหนเขาก็จะตอบว่าหนังที่ทำจากอัลบั้มนี้เป็นหนังโปรดตลอดกาลของชีวิตของเขาด้วย ไม่ใช่แค่นั้น ! เลียมยังมีความผูกพันกับสกู๊ตเตอร์ Lambretta ชนิดที่ว่าถ่ายรูปคู่แลมพร้อมแคปชั่น “Lam is God” และรู้อะไรมั้ย รายได้ก้อนแรกจากการที่ Oasis ทำเงินมา เลียมใช้มันไปกับการซื้อ Lambretta รุ่นปี 1954 และแน่นอน มันคือคันเดียวกันกับที่อยู่ในอัลบั้มมาสเตอร์พีซอัลบั้มหนึ่งของโลก ‘Definitely Maybe’ สตูดิโออัลบั้มแรกของวง

“ระหว่างที่ถ่ายทำปกอัลบั้มไปแล้วครึ่งทาง Liam Gallagher ได้สั่งสกู๊ตเตอร์ Lambretta มาที่กองถ่าย เพราะคอนเซ็ปต์ของการถ่ายครั้งนี้ต้องการให้มีสิ่งของส่วนตัวจากสมาชิกวงมาร่วมประกอบฉากด้วย แต่ทันทีที่ Lambretta มาถึง งานที่รอถ่ายอยู่เป็นต้องหยุดชะงัก เกิดเป็นความโกลาหลจากการที่ทุกคนกรูกันไปที่ถนนหน้าบ้าน ส่วนเลียมเองก็กระโดดขึ้นแลมขี่ออกไปทันที ส่วนผมก็ทำได้แค่ตะโกนว่า เฮ้ กลับมาก่อนพ่อหนุ่ม!!”

– Michael Spencer Jones ช่างภาพคู่ใจของวง Oasis

แต่ทว่า ตัวหนัง Quadrophenia ก็ไม่ได้ทำการยกชื่ออัลบั้มมาใช้เท่ ๆ แต่ยังเคารพความยอดเยี่ยมจากอัลบั้มนั้น โดยการเอาตัวละคร Jimmy ที่เป็นตัวละคร Concept Album ของ The Who มาเล่าเป็นหนังความยาว 2 ชั่วโมงโดยอ้างอิงจากเนื้อเรื่องในเพลงที่เล่าทั้งหมด !

The Who Lambretta 5

Quadrophenia เรื่องย่อ : ตัวหนังเล่าเรื่องการตะลุมบอนครั้งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เมือง Brighton ในเกาะอังกฤษของสองวัยรุ่นกลุ่ม Mods กับ Rocker ในปี 1960s ดำเนินเรื่องผ่านเด็กหนุ่ม Jimmy Cooper ผู้ทำงานเดินเอกสารที่ไปรษณีย์ ที่พยายามกลับไปช่วยชาว Mods ล้างแค้นให้กับอีกกลุ่มที่บ้านเกิด พร้อม ๆ กับอยู่ในช่วงวัยซึ่งกำลังตามหาตัวตน โดยมีเพียง Mods กับสกู๊ตเตอร์คู่ใจ 1967 Lambretta Li 150 Series เป็นพื้นที่ปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวของชีวิต

สำหรับชาว Mods และ Rocker นี่ไม่ใช่แค่หนังที่ทำเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หรือเป็นหนังที่เคารพอัลบั้ม Quadrophenia ประจำกลุ่มของชาว Mods เท่านั้น แต่มันคือการการบันทึกประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ของเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Mods vs Rockers on Brighton Beach (1964)” ที่มีภาพนิ่งขาว-ดำของทั้ง 2 กลุ่มยกเก้าอี้ฟาดใส่กันสุดอลหม่านบนชายหาด Brighton เป็นหลักฐานยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ถ่ายโดย Terence Spencer จาก นิตยสาร LIFE

เรื่องเริ่มต้นขึ้นในวันหยุด Bank Holiday ปี 1964 ทั้งแก๊ง Mods ที่มาพร้อม Lambretta คู่ใจ แต่งกายด้วยแจ๊คเก็ตอิตาเลียนสไตล์ Parkas ที่คุ้นเคยกันดี ในขณะที่ชาว Rocker เองก็มาพร้อมเสื้อหนังสุดเกรงขาม ที่มาพร้อม Café Racer สุดแรง ว่ากันว่าเรื่องเริ่มต้นจากการที่ชาว Mods คนหนึ่งปาก้อนกรวดไปในกลางกลุ่ม Rocker แล้วการตะลุมบอนก็เกิดขึ้น และกินเวลาไปถึง 2 วัน ! แล้วทั้ง 2 แก๊งโดนตำรวจรวบตัวเป็นร้อย ๆ คน (คิดดูสิว่าแก๊งใหญ่ขนาดไหน)

The Who Lambretta 6

แต่เหตุการณ์จริงที่ชายหาด Brighton Beach ไม่ใช่สาระสำคัญทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ แต่เป็นการเติบโตของ Jimmy Cooper ในตอนท้ายสุดของหนังต่างหาก

เราเชื่อว่าการทำหนังเรื่อง Quadrophenia ของผู้กำกับ Franc Roddam ไม่ใช่แค่เพื่อแสดงภาพหรือความเคารพต่อ Subculture ของแลมและอัลบั้มของวงที่เขารัก แต่มันคือการตกผลึกอะไรบางอย่างจากทั้ง 28 เพลง ของ The Who ด้วยมุมมองของตัวเอง และพยายามทำให้ทั้งตัวเอง ตัวละครจิมมี่ในเวอร์ชั่นของเขา และผู้คนของ Mods บน Lambretta ในช่วงเวลานั้น ได้เติบโตไปเป็นอะไรก็ตามที่ต้องการจริง ๆ อย่างที่การเลือก Lambretta เป็น แลม…บันดาลใจ ของการเลือกสิ่งที่ไม่เหมือนใครเสมอมา

The Who Lambretta แลมบันดาลใจ

ดนตรี วัฒนธรรม และผู้คน Lambretta เป็นสกู๊ตเตอร์ที่อยู่ในเรื่องราวมากมายบนประวัติศาสตร์สนุกสนานเต็มไปหมด และเสียงเพลงของ The Who ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง (ซึ่งสำคัญ) ของซีรีส์

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

Cr : https://www.unlockmen.com/lambretta-77th-anniversary-the-who-quadrophenia-lambretta/

The Pope's Exorcist mobile

จาก Subculture สู่ Pop Culture การปรากฎตัวอีกครั้งบนวัฒนธรรมหลักของ Lambretta ในภาพยนตร์เรื่อง The Pope’s Exorcist

ชื่อของ Lambretta กว่าจะถูกแปะอยู่ในวัฒนธรรมหลัก Pop Culture เป็น Scooter สัญชาติ Italian จากเมือง Milan ในภาพยนต์เรื่อง The Pope’s Exorcist สไตล์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครได้อย่างทุกวันนี้ต้องบอกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวไกลมาก และย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1947 นู่นเลย แล้วเป็นการเดินทางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียง Subculture ทางเลือกนอกกระแสคนขี่มาก่อนด้วยซ้ำ

The Pope's Exorcist 6

บทความนี้จะพาชาวเลือดกรุ๊ปแลมทุกคนไปรีแคปเส้นทางการเดินทางส่วนหนึ่งของ Lambretta ให้เห็นว่ารถจากอิตาลีคันนี้วิ่งผ่านเส้นวัฒนธรรมย่อยเข้าสู่วัฒนธรรมหลักได้อย่างไร เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ของแลมกับชีวิตของผู้คนอย่างจริงจัง ไปด้วยกัน

The Pope's Exorcist topic 2
The Pope's Exorcist 1

หมุดหมายแรกของ Lambretta ในเรื่องเล่าของเรา มาเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้กันตรงที่มาทบทวนคำศัพท์กันก่อนดีกว่า และคำเดียวที่คุณจะต้องรู้ก็คือคำว่า ‘ม็อด (Mods)’ ที่หมายถึง ‘สมัยใหม่นิยม (Modernism)’ เป็นคำซึ่งใช้นิยามคนกลุ่มหนึ่งจากเมืองผู้ดีกรุงลอนดอน (London) ในยุค 1950s ที่แน่นอนว่ามี Lambretta เป็นพาหนะเดินทาง เป็นสัญลักษณ์ และเป็นแพชชั่นของชีวิต

Mods คือกลุ่มวัยรุ่นที่ฐานะอยู่ในระดับชนชั้นกลาง มีความคิดเห็นต่างต่อบรรทัดฐานของสังคมเพื่อที่จะแสดงถึงความอิสระของตัวเอง และสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นหนุ่มสาวชาว Mods ได้ดีที่สุดคือการคัสตอม Lambretta ที่มีกระจกข้างยุบยับเต็มรอบส่วนหน้าของรถ คำถามที่ว่า “ทำไม?” คำตอบก็คือพวกเขาทำเพื่อประชดรัฐบาลอังกฤษ ณ ช่วงเวลานั้น ที่ออกกฎหมายให้ติดกระจกข้างเพิ่มอย่างน้อย 1 อัน เพราะว่าการจราจรในยุคนั้นยังไม่ได้ดีมากนัก ชาว Mods ก็จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบกับกระจกเป็น 10 อันให้ไปเลย

The Pope's Exorcist 2

กลุ่ม Mods คือเหล่าหนุ่มสาวที่ชอบปาร์ตี้ เต้นรำ ร้องเพลง ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง โดยการรับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมหลากหลายวงการ วรรณกรรม ดนตรี ศิลปะ สถาปัตยกรรม และแฟชั่นอิตาเลียนสไตล์ มาพร้อมแจ็คเก็ตยาว Parkas พร้อมสัญลักษณ์ประจำกลุ่มอย่าง ‘ธงยูเนียนแจ็ก (Union Jack)’ กับ ‘เป้าธนู’ ความโดดเด่นของ Mods ถูกนิยามได้ด้วย 3 คำ Freedom / Mobility & Style ซึ่งแปลรวม ๆ ออกมาว่า ‘รสนิยมที่ดี’

และนั่นก็รวมถึงรสนิยมทางดนตรีชั้นเยี่ยมที่พวกเขาเลือกเสพผลงานจากศิลปินแจ๊ซชั้นเลิศ Miles Davis หรือ Charlie Parker หรือถ้าเป็นเพลง Rock ก็จะเป็นวงชั้นเยี่ยมอย่าง The Who หรือ The Kinks เป็นต้น และเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมสกู๊ตเตอร์ที่มีความยูนีกอย่าง Lambretta ถึงเป็นสิ่งที่ชาว Mods เลือกใช้เป็นพาหนะของกลุ่มนั่นเอง

The Pope's Exorcist topic 2.2
The Pope's Exorcist 3

บิดกุญแจ สตาร์ทรถ ให้เครื่องยนตร์ส่งเสียงดัง “ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม !” สกู๊ตเตอร์ Lambretta ได้ขับผ่านวัฒนธรรมย่อยของคนกลุ่มเล็ก ๆ มาแล้วเรียบร้อย และตอนนี้ก็กำลังจะเข้าจอดป้ายหนึ่งที่สำคัญของแบรนด์ซึ่งก็คือ ‘วัฒนธรรมหลัก’ หรือ Pop Culture ที่จะเรียกว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดก็ว่าได้

ปี 2023 ที่ผ่านมาภาพยนตร์เรื่อง The Pope’s Exorcist หนังที่ฟังแค่ชื่อดูจะไม่สามารถเข้ากับแลมได้เลย แต่ก็นั่นล่ะ ด้วยความที่เป็นสกู๊ตเตอร์ซึ่งไม่ว่าจะแปะกับวัฒนธรรมไหนก็ใช่ไปหมด หนังเรื่องนี้จึงบันทึกภาพของความเป็น Lambretta แบบที่เท่ที่สุดเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ผ่านตัวละครบาทหลวงชื่อ Gabriele Amorth หัวหน้ามือปราบผี (Chief Exorcist) แห่งนครวาติกัน ที่มีประสบการณ์มากกว่า 36 ปี (ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากแฟ้มบันทึกเคสการปราบผีจริง ๆ ของหลวงพ่อกาเบรียลนี่ล่ะ)

The Pope's Exorcist 5
The Pope's Exorcist 4

สิ่งสำคัญของหนังเรื่องนี้กับความเป็น Lambretta คืออะไรรู้มั้ย มันไม่ใช่เพราะความโคตรเท่ที่หนังตั้งใจเลือก Lambretta-Serveta Li 150 รุ่นที่เกิดขึ้นหลังจากยุคของโมเดลตระกูล MK D ตอนปี 1951 และเป็นซีรีส์ที่ 2 ของ LI สร้างตอนปี 1963 – 1966 มาด้วยสมรรถนะแรง ๆ เกียร์ 4 สปีด พร้อมสเปกความเร็วสูงสุดที่ 150 CC หรอกนะ

แต่มันคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ มาก ๆ ต่างหากล่ะ และสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการที่นักแสดงนำของเรื่องอย่าง Russell Crowe ได้บังเอิญไปเห็นบาทหลวงรูปหนึ่งในอิตาลีขี่ Lambretta แล้วตัดสินใจเป็นคนขอให้บาทหลวงกาเบรียลตัวละครของเขาใช้ Lambretta เป็นพาหนะหลักในการเดินทาง รัสเซลเป็นคนยืนกรานจะทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง มันเลยไม่ใช่แค่เรื่องของ Pop Culture แล้ว แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า Life Culture ที่ทำให้เห็นและรู้สึกได้เลยว่าตลอดเวลา 77 ปีที่ผ่านมา แบรนด์สกู๊ตเตอร์จมูกหมูตัวนี้ได้สร้าง #แลมบันดาลใจ ในชีวิตของผู้คนมากมายขนาดไหน

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

Cr : https://www.unlockmen.com/the-popes-exorcist-lambretta-story/

เก๋-กมลนิตย์

แลม… บันดาลใจ : ‘เก๋-กมลนิตย์’ กับ Classic Lambretta สกู๊ตเตอร์หน้าตาของความสุขที่ทำให้อยากขี่ไปในทุก ๆ วัน

“เคยถามตัวเองกันมั้ย ว่าหน้าตาของความสุขที่มีร่วมกับ Lambretta เป็นแบบไหน ?”
เราตอบคำถามนี้ได้ง่ายขึ้นมาก เมื่อบทสนทนาสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ‘เก๋-กมลนิตย์’ จบลง

เธอคือหญิงสาวที่ชาวแลมหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง ตามงานของ Lambretta ในลุค Vintage Style สุดเท่ แต่ ๆ ๆ ๆ เราเชื่อว่าทุกคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวเบื้องหลังที่เธอมีร่วมกับ Lambretta ดีนัก เพราะความหลงใหลในสไตล์ Vintage ของเธอมันไม่ใช่แค่เรื่องของเสื้อผ้าเท่านั้น แต่เป็นการรับ แลม… บันดาลใจ จากสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้ด้วย

เก๋-กมลนิตย์

“ชื่อกมลนิตย์ แจ่มทับทิมค่ะ”

คุณเก๋แนะนำตัวแบบเขิน ๆ พร้อมกับบอกว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อน “มันต้องจริงจังขนาดนี้เลยใช่มั้ยคะ 555” แต่หลังจากเขินอยู่ได้ไม่นานเธอก็บอกว่าพร้อมตอบคำถามต่อไปแล้ว เราจึงไม่รอช้า เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าจุดเริ่มต้นความหลงใหลในสกู๊ตเตอร์อย่างแลมของเธอมาจากไหน และเมื่อต้องพูดถึงจุดเริ่มต้นในการขี่ Lambretta ของคุณเก๋ เธอบอกว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ และมีผลต่อความทรงจำที่ดีที่ทำให้เธอได้ขี่แลม มีสังคมแลม จากที่ขับคนเดียวมาโดยตลอด และนี่คือเรื่องราวระหว่าง ‘คุณบังใหญ่’ กับคุณเก๋ และแลมคันแรกในชีวิตของเธอ

“ที่บ้านของหนูเขาชอบพวกรถ Vintage อยู่แล้ว ทั้งสกู๊ตเตอร์ / รถเต่า เมื่อก่อนที่บ้านทำธุรกิจขายรถสกู๊ตเตอร์ตัวรุ่นช่วงปี 70s เราก็อยู่กับแวดวงนี้มานาน”

“แต่ที่มาเริ่มต้นขี่ Lambretta ได้จริง ๆ เพราะแฟน (คุณบังใหญ่) ซึ่งเขาขี่ Lambretta มาก่อน แล้วก็เป็นคนที่ทำให้เราได้รู้จักสกู๊ตเตอร์คันนี้ในตอนนั้นที่เรายังไม่รู้เลยว่ามันคือรถรุ่นอะไร 555 (หัวเราะแบบเขิน ๆ) ก็ได้ลองขับอยู่สักพัก เขาก็ซื้อ Lambretta 3LI150 Special ให้ เป็นแลมคันแรกของหนูเลย”

“จากนั้นก็เริ่มศึกษาจริง ๆ จัง ๆ ดีเทลมันยังไงบ้าง ด้วยความตื่นเต้นว่ามันเป็นรถที่เราไม่รู้จักมาก่อนในทีแรก รู้สึกว่ามันสวยดี ด้วยดีไซน์ด้วยอะไร จริง ๆ อธิบายยากอะ 555 ก็น่าจะเพราะมันมีความแตกต่างจากสกู๊ตเตอร์รุ่นอื่น ๆ ด้วย แต่ตอนนั้นก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่นะ เพราะด้วยรูปทรงของแลมที่มันใหญ่ แต่พอขับไปก็รู้สึกชอบเลย พอรักแล้วก็อยากครอบครองอีก”

เก๋-กมลนิตย์

และเมื่อเราขอให้คุณเก๋ช่วยเล่าเหตุการณ์ความประทับใจใน Lambretta ระหว่างคุณบังใหญ่และตัวเองเพราะอยากจะรู้ว่า สกู๊ตเตอร์คันนี้ได้บันทึกความทรงจำไปพร้อมกับตัวเลขไมล์บอกระยะทางของทั้งคู่เอาไว้อย่างไรบ้าง 

“เวลาที่เราจะเอา Lambretta ไปออกงานหรือขี่ไปไหนมาไหน บังใหญ่จะเป็นคนดูแลให้ตลอด รูปที่เห็นหนูอยู่คู่กับ Lambretta ก็เป็นเขาที่ถ่ายให้ทั้งหมด หนูก็ขี่อย่างเดียวไปเลย 555 และสำคัญคือเราจะไม่มีสังคมแลมอย่างในวันนี้เลยถ้าไม่ใช่เพราะเขา

“ต้องบอกว่าเราได้เข้าสู่วงการ Lambretta เพราะแฟนคนนี้เลยค่ะ”  

“อยากขอบคุณที่เขาพาเราเข้าวงการนี้ ได้เจอมิตรภาพที่ดี ถ้าหนูไม่รู้จักเขาก็จะไม่รู้จัก Lambretta อย่างในวันนี้ได้เลย”

เก๋-กมลนิตย์

เมื่อเราคุยกันต่อไปสักพัก ถึงเข้าใจคำที่คนเคยชอบพูดกันเอาไว้ว่า “Lambretta มันเก็บความทรงจำของคนขี่เอาไว้เสมอ” และเจ้ารถคันแรกอย่าง Lambretta 3LI150 Special ก็เก็บความทรงจำมีค่าของเธอเอาไว้มากมาย

“สิ่งที่ทำให้รถ Lambretta 3LI150 Special มีความหมายต่อหนูก็เพราะว่าได้มันมาค่อนข้างที่จะยาก เราได้มาเป็นมือที่ 2 แต่จริง ๆ คือรับต่อมาเป็นมือที่ 3 มันคือคันที่บังใหญ่ซื้อต่อมาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันมาก ๆ ชื่อ ‘พี่กอล์ฟ 70club’ แล้วพี่กอล์ฟเขาไปซื้อมาจากจังหวัดตรัง จีบมาจากลุงคนหนึ่งใช้เวลาประมาณ 10 ปี ถึงยอมขายให้ ไม่รู้ว่าเขาได้มาราคาเท่าไหร่นะ แต่ตอนขายให้หนูคือ 7 แสนแล้ว สตอรี่มันดีมาก ๆ ทุกอย่างเดิมไม่มีอะไรแต่ง เราก็ใช้มันทั้งขับเล่นบ้าง ไปตลาดบ้าง ออกทริปบ้าง”

“สำหรับหนูนะ Lambretta มันเป็นรถที่ขับได้ทุกวัน เพราะเป็นความสุขสำหรับหนูเองด้วย เราชอบรถแบบนี้อยู่แล้ว เราก็จะขับไปเซเว่น ไปตลาด ไปรับน้องที่โรงเรียน ใช้ได้ในหลาย ๆ โอกาสเลยแหละ”

เก๋ กมลนิตย์
เก๋-กมลนิตย์

เพราะเห็นว่าเป็น Lambretta ตัว Vintage ที่ใช้ออกทริปด้วย เราจึงค่อนข้างแน่ใจว่าเธอต้องมีเหตุการณ์ประทับใจไม่เคยลืมกับเจ้า Lambretta 3LI150 Special อย่างแน่นอน

“มีอยู่ครั้งหนึ่งไปออกทริปจากเชียงใหม่ไปนครสวรรค์ ตอนนั้นไปกันหลายคน แล้วจู่ ๆ รถของเราก็เกิดมีปัญหาขึ้นมา ทำให้ทิ้งท้ายอยู่คนเดียว แล้วก็ทำให้เราได้ไปเจออู่หนึ่งที่เขาทำรถสกู๊ตเตอร์ เขาก็เข้ามาช่วยจนเราสามารถขี่ไปต่อได้ มันเหมือนโชคช่วยนะ มันทำให้เรารู้สึกมีความสุข มันประทับใจตรงนั้น แล้วมันทำให้หนูพบว่าตัวเองไม่เคยถอดใจกับแลมเลย”

คำถามสุดท้ายก่อนที่บทสนทนาของเราจะจบลงไป เมื่อมีเรื่องราวมากมายกับ Lambretta แล้วถ้างั้นสกู๊ตเตอร์คันนี้มันเป็นแรงบันดาลใจด้านไหนในชีวิตของเธอบ้าง และคำตอบของเธอก็ช่างทำให้เรารู้สึกว่า เออ คำตอบนี้มันคุณเก๋มากเลยเนอะ ถึงจะได้คุยกันแค่สั้น ๆ แต่เราก็รู้สึกได้เลยว่าเธอน่าจะตอบแบบนี้แหละ 

“โหหห น่าจะบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจของชีวิตในเกือบทุกด้านเลยนะคะ ตอนนี้อยากได้อยู่หลายรุ่นเลย Lambretta เป็นเหมือนแรงผลักดันให้อยากจะทำงานแล้วก็ซื้อไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้ก็ขยันหนักนิดนึงแหละ 555 มันทำให้เราอยากทำงานแล้วก็อยากมีเงินไปซื้อเขาไงคะ : )”

เรื่องราวฉลองครบรอบปีที่ 77 ของ Lambretta ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มาตามต่อกันดีกว่าว่าเรื่องราวต่อไปที่เราเอามาแชร์ชาวแลมจะเป็นเรื่องของใคร เรื่องอะไร รับรองความ #แลมบันดาลใจ เหมือนเดิม

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

แลม… บันดาลใจ : ชีวิตบนเส้นทางศิลปะกว่า 2 หมื่นกิโลเมตร ที่มีเพียงแค่ Lambretta และความตั้งใจอันแรงกล้าของ ‘อาจารย์ อินสนธิ์ วงค์สาม’

ว่ากันว่า “แรงบันดาลใจ” คือสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตของคนเราให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ระยะทางที่มุ่งหน้าออกไปจะไกลได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะสามารถพิชิตจุดหมายปลายทางได้หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับดีกรีของความตั้งใจว่ามันเข้มข้นสักเพียงใด

และสำหรับชีวิตในวัยหนุ่มของ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) พ.ศ.2542 คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่ถ่ายทอดตัวอย่างของแรงบันดาลใจอันแรงกล้าได้อย่างชัดเจน กับ “แลม… บันดาลใจ” ในการควบสกู๊ตเตอร์ Lambretta ข้ามโลกสู่อิตาลี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พร้อมแสดงผลงาน และตอบสนองแรงผลักดันส่วนลึกในใจ กับเป้าหมายในการไปเยือนนครแห่งศิลปะอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาด้านศิลปะให้กับเขา

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

แน่นอนว่าหากย้อนไปในปี พ.ศ. 2504 แผนการพิชิตเส้นทางกว่า 20,000 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องง่าย ความตั้งใจของ ‘อาจารย์อินสนธิ์’ หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ณ ตอนนั้น มีแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ปรากฎอยู่ในทุกมิติ ทั้งเรื่องของรถยนต์ส่วนตัวที่มีปัญหาจนไม่พร้อมใช้งานเดินทางไกล ยังไม่นับรวมถึงอุปสรรคอีกมากมายที่รออยู่ตลอดเส้นทางข้างหน้า

แต่ด้วยอุดมการณ์ทางศิลปะอันเข้มข้น บวกกับความบ้าระห่ำในวัยหนุ่ม ทำให้ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม’ ยังคงเดินหน้าทำตามความฝัน ตัดสินใจทำหนังสือขอความสนับสนุนจากตัวแทนจำหน่ายสกู๊ตเตอร์ Lambretta ในไทย เพราะอยากได้ราชรถคู่ใจเป็นสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี ที่นอกจากจะลงตัวกับการออกทริปสู่ดินแดนมักกะโรนี แล้วยังตอบโจทย์เรื่องความคล่องตัว, ความทนทาน, ความง่ายต่อการดูแลรักษา อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่โหดร้ายจนเกินไป

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

จนท้ายที่สุด ‘อาจารย์อินสนธิ์’ ก็ได้รับ ‘Lambretta TV175 Series II’ คันเก่ง มาเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางสมใจ พร้อมเงินสมทบทุนค่าน้ำมันจากเหล่าผู้สนับสนุนใจดีที่เล็งเห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ แม้ว่าตอนนั้นตัวเขาจะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นด้วยซ้ำ ทำได้เพียงแค่เข็นรถจากโชว์รูมแถวแยกปทุมวัน มาฝึกขี่ที่สวนลุมฯ ยิงยาวตั้งแต่เช้ายันเย็นจนเริ่มคล่อง พร้อมทำเรื่องขอออกใบขับขี่สากล, หนังสือรับรอง รวมถึงเอกสารผ่านแดนจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย และกรมตำรวจ เพื่อเป็นใบเบิกทางในการออกสู่โลกกว้างด้วย Lambretta คันนี้ แม้ฟังดูเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ศิลปินคนนี้ก็ได้ร่างเค้าโครงภาพความฝัน สู่ความเป็นไปได้ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

จากนั้นก็ได้นำสกู๊ตเตอร์ Lambretta มาดัดแปลงเพื่อการเดินทางแสนไกล ให้พร้อมบรรทุกสัมภาระจำเป็นอย่างผลงานศิลปะกว่า 200 ชิ้น ซึ่งถูกม้วนบรรจุไว้ในกล่องสังกะสีอย่างดี รวมถึงอุปกรณ์วาดภาพ, อุปกรณ์ทำอาหารง่าย ๆ, เสื้อผ้า และอุปกรณ์ซ่อมบำรุงรถ ในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2505 เรื่องราวการผจญภัยบนเส้นทางศิลปะของ ‘อาจารย์อินสนธิ์’ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

จากจุดสตาร์ทที่กรุงเทพมหานคร ในย่านประตูน้ำ ‘Lambretta TV175 Series II’ ได้นำพา ‘อาจารย์อินสนธิ์’ ผ่านร้อนผ่านหนาวและอุปสรรคนานัปการบนเส้นทางหฤโหดกว่า 20,000 กิโลเมตร สู่ปีนัง, กัลกัตตา, เดลี, เตหะราน, อิสตันบูล, เอเธนส์, คอร์ฟู, บรินดิซี, โรม จนมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยไม่ออกอาการงอแงสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้ปวดหัวแต่อย่างใด

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

เปรียบเสมือน “แลม… บันดาลใจ” ให้ผู้ชายคนนี้ได้ทำตาม “แรงบันดาลใจ” ในการออกเดินทางเยี่ยมบ้านเกิดของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ตามคำมั่นสัญญา พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านศิลปะจากหลากประเทศ หลายมุมมอง รวมถึงมีโอกาสแสดงงานใน Numero Galley โมเดิร์นอาร์ตแกลเลอรี่ที่มีชื่อเสียงของเมืองฟลอเรนซ์ ได้สำเร็จสมความตั้งใจ

Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์
Lambretta อาจารย์ อินสนธิ์

ถือเป็นการปิดท้ายภารกิจที่กินเวลากว่า 18 เดือนลงอย่างทรงคุณค่า เพราะแม้ว่าเวลา 1 ปีครึ่ง สำหรับใครบางคนอาจจะดูเหมือนไม่นาน แต่ประสบการณ์ และความหาญกล้าในการทำตามฝันของ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม’ คือแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ควรค่าแก่การเล่าขานตลอดไป

และนี่คือหนึ่งใน 7 เรื่องราว “แลม… บันดาลใจ” เฉลิมฉลองครบรอบ 77 ปี Lambretta สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี ที่ยืนหยัดเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตอันน่าประทับใจของใครหลายคนมาอย่างยาวนาน

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

กอล์ฟ 70 CLUB mobile

แลม… บันดาลใจ: ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ จากยานพาหนะที่หลงใหล สู่สิ่งที่สร้างความสุข และหล่อเลี้ยงชีวิตบนเส้นทางแห่ง LAMBRETTA

กอล์ฟ 70 CLUB 1

แต่สำหรับ ‘กอล์ฟ – อัษฎา อบรมทรัพย์’ หรือที่ชาวแลมรู้จักในชื่อ ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ เขาได้พบกับคำตอบของปลายทางแห่งความหลงใหล ด้วยความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสกู๊ตเตอร์ Lambretta ที่เขาหลงรัก และยังเป็นเหมือน “แลม… บันดาลใจ” ต่อยอดสู่อาชีพหล่อเลี้ยงชีวิต กับธุรกิจขายอะไหล่แลมวินเทจ ที่ยังคงสานต่อตำนานความเก๋ากว่า 77 ปี มาให้ได้สัมผัสในยุคปัจจุบัน

เรื่องราวจุดเริ่มต้นเส้นทางที่มี Lambretta เคียงข้างจนเป็นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ ได้เล่าให้ฟังย้อนไปไกลสมัยที่ผู้ชายคนนี้เริ่มทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเองใหม่ ๆ และตัดสินใจหาสกู๊ตเตอร์มาขี่สักคัน เพื่อเป็นการสานต่อความชอบในวัยมหาวิทยาลัยที่เคยมีสกู๊ตเตอร์คู่ใจขี่ไปไหนมาไหนโดยตลอด และการกลับเข้าสู่วงการสองล้อครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับ Lambretta ที่ดีไซน์เท่สะดุดตา จนไม่ลังเลที่จะไปเสาะหามาเป็นของตัวเอง

กอล์ฟ 70 CLUB 11
กอล์ฟ 70 CLUB 9
“สมัยนั้นก็หารถในเว็บ Thai Scooter แล้วไปถูกใจ Lambretta Series 2 Li 150 จำได้ว่าไปซื้อแถววังหิน ซื้อเสร็จก็ต้องขี่กลับบ้านแถวแคราย พอได้ขี่เท่านั้นแหละ รู้สึกเลยว่า เฮ้ย!! ทำไมมันขับดีขนาดนี้เลยหรอ ไม่รู้ว่าเพราะโชคดีได้แลมคันที่ดีมาด้วยรึเปล่านะ ไม่ว่าจะเครื่องยนต์ การทรงตัว ช่วงล่าง ฟีลลิ่งมันดีหมดเลยนะ ทำให้เราเก็ทเลยว่า เวลาใช้งานขี่ทางไกลมันน่าจะสบายว่ะ แล้วส่วนตัวจะเป็นคนที่ชอบขี่รถเที่ยวไกล ๆ อยู่แล้ว ทีนี้ก็รู้เลยว่าแลมนี่แหละใช่ จากนั้นก็ขี่แลมมาตลอด”
กอล์ฟ 70 CLUB 8
กอล์ฟ 70 CLUB 7
กอล์ฟ 70 CLUB 10
“และเหตุผลส่วนตัวอีกอย่างที่ทำให้ชอบ Lambretta เพราะเรารู้สึกว่าคนเล่นแลม คนขี่แลม ไลฟ์สไตล์มันจะเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าจะนิสัยใจคอ การแต่งตัว อะไรต่าง ๆ ยิ่งเวลามาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เราว่ามันดูเท่ดี เราเองก็เริ่มจากมีเพื่อน ๆ ที่มาขี่รถเที่ยวด้วยกัน พอบ่อยเข้าก็เริ่มอยากตั้งกลุ่มตั้งก๊วนให้มันชัดเจน ก็เลยเป็นที่มาของ 70 Club ไอ้ชื่อ 70 ก็มาจากเราไปอัพเกรดเครื่องยนต์เป็น 225cc เพื่อให้ขี่สบายขึ้น แล้วก็ชวนเพื่อน ๆ ในกลุ่มให้ทำเหมือนกันหมด เวลาออกทริปมันจะได้ทันกัน ไปได้พร้อม ๆ กัน ใช้เวลาบนถนนน้อยลงมันก็ปลอดภัยกว่า แล้วลูกสูบของเครื่องที่อัพมามันจะมีขนาด 70 มม. ก็เลยใช้ 70 เป็นชื่อกลุ่มไปเลย”
กอล์ฟ 70 CLUB 3

“หลังจากตั้งกลุ่มมา มันมีอยู่ทริปนึงที่เราประทับใจมากคือทริปเวียดนามที่เมืองซาปา ไปกัน 10 คันแลมล้วนเลย ไปช่วงหน้าหนาว ในใจก็แอบหวังเล็ก ๆ ว่าจะเจอหิมะมั้ยวะ แล้วสุดท้ายก็ได้เจอสมใจ แล้วมันเป็นทริปที่เดินทางกันไกลมากวิ่งออกไปทางเชียงของ ซึ่งปกติส่วนใหญ่คนเค้าก็จะกลับกันทางเดิม แต่นี่เราอ้อมกลับมาทางนครพนม รูทนี้มันเลยเป็นประสบการณ์ที่พิเศษที่ยังคงประทับใจจนถึงตอนนี้”

กอล์ฟ 70 CLUB 2
กอล์ฟ 70 CLUB 6

“และถ้าจะให้พูดถึงเรื่องแรงบันดาลใจที่ได้จาก Lambretta คงเป็นเรื่องที่ทำให้เราอยากไปท่องเที่ยว ตั้งแต่สมัยก่อนช่วง 30 – 40 จะออกทริปหนักมากไปไหนก็ไปกับแลม จนตอนนี้อายุ 49 จะ 50 แล้ว อาจจะออกทริปกับแลมน้อยลง แต่ก็ยังเลือกไปเที่ยวสถานที่ที่เกี่ยวกับแลม ที่ไหนมีแลมเราไปหมด อย่างไปอิตาลีก็จะไปบุกโรงงานแลม มีอนุสาวรีย์แลมแบรตต้า มีพิพิธภัณฑ์อะไรต่าง ๆ ขอให้เกี่ยวกับแลม เราก็ไปมาเกือบหมด”

กอล์ฟ 70 CLUB tattoo

“แล้วส่วนตัวเรารู้สึกผูกพันกับแลมมาก ถึงขนาดสักลาย Lambretta ไว้บนแขน ย้อนกลับไปน่าจะประมาณสิบปีก่อน ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับแลมมานานพอสมควร ด้วยอาชีพที่เช้ามาก้อเจอแลม บางวันก็นอนอยู่กับแลม ซึ่งเรารู้สึกว่ามันคงต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ จึงอยากเอาเจ้าโลโก้ Lambretta ที่ฟอนต์สวยดีไซน์สวย ดูเท่ ดูเกเรมาอยู่บนตัว เพื่อบ่งบอกถึงความชอบ รัก คลั่งไคล้ ที่มีต่อมัน ให้มันอยู่ติดตัวเราไปเลย  คิดดูว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ตั้งมากมาย แล้วจะมีซักกี่แบรนด์กี่ยี่ห้อที่สามารถทําให้คนคลั่งไคล้ จนเอามาสักให้มันอยู่กับร่างกายไปตลอดชีวิต และ Lambretta คือคำตอบสำหรับเรา”

“อีกอย่างคือ Lambretta ทำให้ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ทุกวันนี้ก็ยังมีเพื่อนใหม่ที่แลมนำพาให้มาเจอกันอยู่เรื่อย ๆ ที่สำคัญแลมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เรารู้สึกโชคดีที่ความหลงใหลมันกลายมาเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ และให้ความสุขกับเราได้ ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิต ทำอะไรที่เกี่ยวกับแลมไปอีกนานจนกว่าจะทำไม่ไหวนั่นแหละ”

กอล์ฟ 70 CLUB 5

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

เฮียเจียว lambretta

แลม… บันดาลใจ : “เฮียเจียว” พี่ใหญ่ของชาว LAMBRETTA ชายที่ทำให้คำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” คือเรื่องจริงยิ่งกว่าจริง

สำหรับชาวแลม หรือ Lambrettista ทั้งหลาย น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา “เฮียเจียว – กันตพงศ์ ฤกษ์แสนสุข” กันเป็นอย่างดี ในฐานะพี่ใหญ่ใจดี อดีตช่างซ่อมแลมวินเทจรุ่นเก๋า และเจ้าของศูนย์บริการมาตรฐาน Lambretta รุ่นบุกเบิกเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ที่คอยให้ความรู้ รวมถึงดูแลรถให้กับก๊วนแลมแทบทุกครั้งที่ออกทริปไปด้วยกัน
หากจะให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่าง “เฮียเจียว” และสกู๊ตเตอร์คู่ใจอย่าง แลมเบรตต้า คงพูดได้ว่าเปรียบเสมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ด้วยอายุของเฮียเจียวที่อยู่ในวัย 77 เท่ากับอายุแบรนด์ แลมเบรตต้า ที่ถึงวาระครบรอบ 77 ปี ในปีนี้เช่นกัน
เฮียเจียว lambretta
ซึ่งจุดเริ่มต้นความสนิทสนมกับเพื่อนซี้ 2 ล้อ คงต้องย้อนไปไกลถึงประมาณปี พ.ศ. 2504 – 2505 ยุคที่สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลีอย่าง Lambretta เริ่มบุกตลาดในไทยโดยการนำเข้าของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แอนด์โก ในสมัยนั้น และช่วงประมาณปี พ.ศ. 2507
ทางบ้านของเฮียเจียวที่ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ก็ได้รับการทาบทามให้เป็นตัวแทนจำหน่าย พร้อมศูนย์ซ่อมแบบครบวงจร
เฮียเจียว lambretta
และตัวเฮียเจียวเองก็ถูกส่งไปเรียนรู้วิชาการซ่อมบำรุงโดยช่างเทคนิคที่มาจากต่างประเทศนานถึง 2 เดือน จึงเป็นเหตุผลที่ความเชี่ยวชาญด้านแลมวินเทจของเขานั้นเจนจัดชัดถ้อยชัดคำอย่างไร้ข้อกังขา ที่สำคัญเหตุการณ์นี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ในอีกไม่กี่ปีต่อมาเฮียเจียวได้พบกับ Lambretta X200 Special หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ SX200 สกู๊ตเตอร์คู่ใจคันแรกที่ใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมายาวนานตลอด 60 ปี ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวัน, ออกทริปท่องเที่ยวทั้งใกล้ไกล, ใช้ขี่รับ-ส่งลูกไปเรียนหนังสือจนจบการศึกษาครบทั้ง 4 คน
เฮียเจียว lambretta
จวบจนถึงทุกวันนี้เพื่อนรักอย่าง Lambretta SX200 คันเก่งคันเดิม ก็ยังได้รับการดูแลอย่างสุดฝีมือ พร้อมพา “เฮียเจียว” โลดแล่นไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะในไทย หรือไปไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เป็นสกู๊ตเตอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชายคนนี้ยังคงมีไฟในการใช้ชีวิต ซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยความหมายของมิตรภาพบนเข็มไมล์ที่ไม่จำกัดอายุ พร้อมเติมเต็มความสุขด้วยประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนกับชาว Lambrettista ในทุกครั้งที่ออกทริป
เฮียเจียว lambretta
เฮียเจียว lambretta
ที่สำคัญไปกว่านั้น เพื่อนรัก 2 ล้อนามว่า Lambretta คันนี้ ยังเป็น “แลม… บันดาลใจ” ผลักดันให้เฮียเจียวหันมาใส่ใจในการดูแลตัวเอง ด้วยการตัดสินใจเริ่มออกวิ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน เก็บรายการวิ่งครบทุกระยะทั้งฟูลมาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน ร่วม 200 รายการ
เฮียเจียว lambretta
ด้วยเหตุผลที่ฟังดูเรียบง่ายแต่สะท้อนถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ กับความต้องการทลายข้อจำกัดของอายุ ให้เหลือแค่เพียงเรื่องของตัวเลข ด้วยการเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงพอที่จะตอบสนองหัวใจที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนเมื่อครั้งยังหนุ่มแน่น เพื่อที่จะได้เก็บเกี่ยวความสุขไปกับประสบการณ์อิสระบน Lambretta สุดรักไปตราบนานเท่านาน

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

มาริโอ lambretta mobile

แลม... บันดาลใจ : ‘มาริโอ เมาเร่อ’ กับความหลงใหลใน Lambretta งานอดิเรกที่เติมเต็มให้ชีวิตมีความหมาย

หลายคนอาจรู้จัก ‘มาริโอ เมาเร่อ’ ในฐานะนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี พ่วงด้วยดีกรีพระเอกพันล้าน แต่อีกด้านของชีวิตผู้ชายคนนี้มีงานอดิเรกคือการเป็นนักสะสมของเก่าชนิดหาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเหรียญเก่า ธนบัตรเก่า สแตมป์เก่าทั้งของไทย ของนอก รวมไปถึงเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่น รถเก่า และสกู้ตเตอร์เก่าอย่าง Lambretta ซึ่งจิตวิญญาณความเป็นนักสะสมแบบเข้าเส้นได้ถูกปลูกฝังโดยคุณพ่อของเขามาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย

สำหรับใครที่มีงานอดิเรกในวันว่าง น่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการได้อยู่กับตัวเอง ใช้เวลาไปกับสิ่งที่หลงใหลหลังจากการทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วง มันคือการเติมพลัง และเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็คือหนึ่งในนั้น สามารถหมดเวลาเป็นวัน ๆ ไปกับการตามหาของเก่า ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยมองว่ามันคือการผลาญเงิน หรือการเผาเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ

มาริโอ lambretta 1

มาริโอเคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ของสะสมถ้ามันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่อง มองเห็นก็แค่ข้อเสียของมันเท่านั้น แต่สำหรับตัวผมจะเห็นคุณค่าในแง่ที่ว่า เฮ้ย เราได้ขับรถปี 1960 แบบที่พ่อเคยขับ ได้ขี่แลม 2 ที่เราถูกใจตั้งแต่เจอรุ่นพี่ขี่ ได้ดูแล ได้ซ่อมรถเอง ได้หาของแต่ง ได้ไปเจอเพื่อน ๆ คอเดียวกัน มันคือความสนุก คือความสุขที่ช่วยเติมเต็มอีกด้านของชีวิตที่ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน”

มาริโอเคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ของสะสมถ้ามันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่อง มองเห็นก็แค่ข้อเสียของมันเท่านั้น แต่สำหรับตัวผมจะเห็นคุณค่าในแง่ที่ว่า เฮ้ย เราได้ขับรถปี 1960 แบบที่พ่อเคยขับ ได้ขี่แลม 2 ที่เราถูกใจตั้งแต่เจอรุ่นพี่ขี่ ได้ดูแล ได้ซ่อมรถเอง ได้หาของแต่ง ได้ไปเจอเพื่อน ๆ คอเดียวกัน มันคือความสนุก คือความสุขที่ช่วยเติมเต็มอีกด้านของชีวิตที่ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน”

มาริโอ lambretta 11
มาริโอ lambretta 2

ที่สำคัญความชอบในสกู้ตเตอร์ Lambretta ยังเป็น “แลม…บันดาลใจ” ที่ปลุกไฟ Passion ของผู้ชายคนนี้ให้ลุกโชน เริ่มต้นจากความประทับใจในแลม 2 ของรุ่นพี่ในวัยเด็ก ก่อตัวกลายเป็นความตั้งใจอันแรงกล้าว่าวันหนึ่งจะหา Lambretta มาเป็นของตัวเองให้ได้

มาริโอ lambretta 7
มาริโอ lambretta 6

“ด้วยความที่เป็นคนชอบของวินเทจ พอโตมาหน่อยก็เริ่มสนใจในเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่นต่าง ๆ รวมถึงสกู้ตเตอร์เก่า แล้วพอมาเจอรุ่นพี่ขี่แลม 2 ก็เป็นเรื่องเลย รู้สึกว่าสวยจัง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากสะสม Lambretta ตั้งใจไว้ว่าถ้าหาเงินได้เมื่อไหร่จะต้องมีแลมเป็นของตัวเองให้ได้ จนสุดท้ายก็ได้แลม 2 มาเป็นคันแรกในครอบครอง ผมชอบความ Big Body และขี่ดีด้วย มันมีความเป็นตัวเรา เวลาขี่ไปไหนก็จะภูมิใจทุกครั้ง นั่งหลังตรงเลยนะ มันจะยืด ๆ หน่อย (หัวเราะ)”

มาริโอ lambretta 9
มาริโอ lambretta 10
มาริโอ lambretta 8

และการที่ได้สัมผัสกับแลมวินเทจ ทำให้ความหลงใหลใน Lambretta ของมาริโอสานต่อมาจนถึงรุ่นใหม่ ด้วยเสน่ห์ของงานดีไซน์ที่คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างครบถ้วน แม้จะถือกำเนิดมาจนครบรอบ 77 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนที่หลงใหลในความคลาสสิกของ Lambretta อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย

มาริโอ lambretta 3

นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตสุดประทับใจ หากไม่นับถึงประเด็นเรื่องความมีชื่อเสียงของเขา แล้วมองเพียงแค่เรื่องราวความฝันของชายหนุ่มสักคนหนึ่ง การที่ความชอบความหลงใหลในสิ่งใดสักสิ่ง ได้นำพาให้ชายที่ชื่อว่า ‘มาริโอ เมาเร่อ’ ได้มายืนอยู่ในจุดที่เป็นตัวแทนแบรนด์ Lambretta ที่หลงรัก สำหรับเขามันคือความฝันเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เป็น แลมบันดาลใจที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของผู้ชายคนนี้ นอกเหนือจากความสำเร็จทางด้านการแสดงที่เคยได้รับมา

#Lambretta #LambrettaScooters
#LiveWithPassion #Lambretta77thAnniversary #แลมบันดาลใจ

104,000 THB

109,000 THB

104,500 THB

99,500 THB

88,500 THB

104,000 THB

109,000 THB

104,500 THB

99,500 THB

88,500 THB

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการทำงานของไซต์และการปรับแต่งไซต์ให้เหมาะกับผู้ใช้ เช่น วิดีโอและการสนทนาสด คุกกี้เหล่านั้นอาจได้รับการกำหนดโดยเราหรือผู้ให้บริการจากบริษัทอื่นที่เราได้เพิ่มบริการของพวกเขาลงในหน้าเพจ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน ฟังก์ชันบางอย่างของไซต์อาจทำงานไม่ถูกต้อง

  • คุกกี้กำหนดเป้าหมาย

    คุกกี้เหล่านี้จะถูกกำหนดผ่านไซต์ของเราโดยพาร์ทเนอร์โฆษณาของเรา โดยบริษัทดังกล่าวอาจใช้คุกกี้เหล่านี้เพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับความสนใจของคุณ และแสดงโฆษณาที่คุณสนใจบนไซต์อื่นๆ คุกกี้เหล่านี้ทำงานโดยการระบุแต่ละเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ของคุณ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน คุณจะไม่เห็นโฆษณาที่คุณเป็นเป้าหมายบนเว็บไซต์ต่างๆ

Save