ล่า แลม แรร์ EP5 LAMBRETTA X300 PEK SOUL
“ผมมองว่าแลมเบรตต้าเป็นยนตรกรรม ไม่ใช่แค่รถที่ซื้อใช้ขี่นะ ยิ่งถ้าเป็นเกียร์มือยุคสงครามโลก ยุคเก่าๆเนี่ย เชื่อไหมว่ามันแทบจะเป็นสมบัติของโลกแล้วนะ”
จุดเริ่มต้นสิ่งที่ทำให้ผมสนใจในรถ Lambretta ย้อนไปเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ผมมีพี่น้อง 3 คน น้องชายคนกลางเขาป่วยและจากไป เขาก็ทิ้งแลมเบรตต้า Tv175 Series 3 ไว้ให้คันนึง ก็เลยทำให้ผมมาเล่นรถต่อจากน้องชายที่เสียไป
หลังจากนั้นผมก็ซื้อแลม Series 2 มาอีกคันนึง ก็มาขี่แลม 2 เพราะว่า Series 2 มันใหญ่ ผมชอบรถใหญ่ๆหนักๆมันมั่นคงดี ผมมองว่า ดีไซน์ อัตลักษณ์ เส้นสาย โค้งเว้า เส้นตรง เส้นเหลี่ยม ที่มันประกอบรวมกันขึ้นมาในแลมเบรตต้าแต่ละรถรุ่น มันมีสเน่ห์มากๆเลย ผมคิดว่าตรงนั้นคือจุดที่ผมรักมัน
ตั้งแต่เด็ก ผมเป็นคนชอบสิ่งประดิษฐ์ ชอบสร้างของเล่นเอง พอมาเล่นแลมเบรตต้าเนี่ย อย่าง X300 คันนี้ เราก็พยายามดีไซน์เสริมเข้าไปในรถของเราเอง
วันนึงผมก็ถึงจุดอิ่มตัวในการทำงานบริษัท เราก็มาทำธุระกิจเกี่ยวกับแลมเบรตต้า เพราะว่าเป็นสิ่งที่เรารัก และเราก็ถนัด ตั้งแต่ตอนนั้นย้อนไป 15-16 ปี ผมก็พยายามฝึกทักษะตัวเองในการเป็นช่างซ่อมรถด้วย และก็เริ่มดีไซน์ของแต่ง ของที่มันไม่มีขายในตลาดด้วยครีเอทอะไรต่างๆ ที่มันไม่เหมือนใครออกมาแล้วก็เป็น product บนรถ ก็เป็นที่มาของคำว่า Craftman
ตอนนี้เนี่ยแลมเบรตต้า ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ นักสะสมเนี่ยให้ราคากับแลมเบรตต้า อย่างมาก ตอนนี้แลมเบรตต้า บางรุ่นเนี่ยราคาขึ้นไป 2-3 ล้าน ซึ่งมันเป็นคุณค่าของรถ
และถ้าน้องๆรุ่นใหม่สนใจเพิ่มเข้ามา ก็ดีเลย จะทำให้แลมเบรตต้าเนี่ย ขยายมิตรภาพออกไปอีก สิ่งสำคัญสำหรับพี่ๆรุ่นเก่า ก็คือเราต้องส่งต่อมิตรภาพให้รุ่นใหม่ คอมมูนิตี้ ในส่วนของวัฒนธรรมเรื่องราวยุคเก่าส่งผ่านมาถึงยุคปัจจุบัน
แลมเบรตต้าในยุคปัจจุบันเนี่ย ก็เป็นในเรื่องของรถมันสะดวก ทันสมัย ขี่ง่าย ก็ไม่ต้องไปกังวลเรื่องการซ่อมเท่าไหร่ เป็นในเรื่องของการใช้เวลาด้วยกันเหมือนกัน ก็ยังคงไม่พ้นกับการได้ขี่รถด้วยกัน ได้มีความสุขด้วยกัน ได้ไปทำกิจกรรมด้วยกัน ได้ออกไปเผชิญโลก ไปแคมปิ้ง ไปคาเฟ่หรือจะไปหา PASSION อะไรต่างๆ ก็ไม่พ้นการขี่แลมด้วยกัน