Lambretta X200 ยกระดับความนุ่มนวลของรถสกู๊ตเตอร์สไตล์พรีเมี่ยมคลาสสิกไปอีกขั้น ด้วยพิกัดใหม่ขนาด 200cc มาพร้อมกับราคาแนะนำที่ 134,900 บาท
LAMBRETTA คือแบรนด์รถสกู๊ตเตอร์ จากประเทศอิตาลี ก่อตั้งโดยคุณ Ferdinando Innocenti ในปี ค.ศ. 1947 ช่วงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี จากเดิมที่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินรายใหญ่ในสมัยนั้น แปรผันมาเป็นแบรนด์สกู๊ตเตอร์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 76 ปี โดยเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้นั่นคืองานดีไซน์ของตัวรถที่ดูพรีเมี่ยม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชวนให้ทุกคนเหลียวมอง
โดยในยุคแรกของ Lambretta ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลก มีไอเดียในการสร้างยานพาหนะจากชิ้นส่วนของเครื่องบินที่ยังเหลืออยู่ จึงรวบรวมทีมวิศวกรฝีมือดีที่มีผลงานการออกแบบเครื่องบินอย่างมากมาย มาร่วมกันวิจัยและพัฒนาโครงสร้างตัวรถ จึงเกิดมาเป็นรถสกู๊ตเตอร์ LAMBRETTA
จุดเด่นของรถสกู๊ตเตอร์ LAMBRETTA นั่นคือความเป็นของแรร์ น่าสะสม ยิ่งรถมีอายุ สภาพสมบูรณ์ ยิ่งมีมูลค่า โดยปัจจุบันรุ่นรถที่ปีลึกๆ มักจะเป็นที่ต้องการของนักสะสม และเหล่าคนเล่นรถที่ใฝ่ฝันอยากครอบครองสักครั้ง โดยเฉพาะรถที่มีเรื่องราวอาทิเช่น รถที่ผลิตจากประเทศอิตาลี, รถที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัด กระทั่งรุ่นพิเศษต่างๆ หากสภาพดี ทุกอย่างเดิมสนิท เรียกได้ว่าราคาจำหน่ายต่อมีหลักหลายแสนบาทจนถึงแตะหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว
โดยผู้ที่เล่นรถสกู๊ตเตอร์แลมเบรตต้า จะมีชื่อเรียกว่า “Lambrettista (แลมเบรตติสต้า) เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า ผู้ที่หลงไหลในความเป็นแลมเบรตต้า
Lambretta X200 2024
สานต่อความสำเร็จของ Lambretta X300 รุ่นพี่ แต่มาในพิกัดใหม่เพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบรถสกู๊ตเตอร์แบบพรีเมี่ยมคลาสสิก แต่ก็ชื่นชอบเรื่องของการขับขี่แบบนุ่มนวลด้วย ไม่ได้ต้องการความแรงมากมายนัก ประกอบกับยังคงได้อุปกรณ์ต่างๆ เหมือนกับรุ่น X300 SR รุ่นปี 2024 ทุกประการ แตกต่างกันเฉพาะเรื่องของเครื่องยนต์เท่านั้น
การออกแบบ
มาในคอนเซปต์ ‘I Know What I Want’ ถือเป็นโมเดลฉลองครบรอบ 76 ปี กับรูปทรง Diamond lines ของการออกแบบเส้นสายบนตัวรถ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ LAMBRETTA ด้วยงานดีไซน์สไตล์อิตาเลียน ที่ใช้แนวคิดแห่งอนาคตในการออกแบบให้มีความล้ำสมัยระดับไฮเอนด์ แต่ยังคงกลิ่นอายและ DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของ LAMBRETTA ที่มีมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างลงตัวด้วยรูปแบบ Low and Long
สำหรับสีที่อยู่กับเราวันนี้คือสี Limoncello Yellow อันเป็นสีสันใหม่ของตระกูล X200
ไฟหน้า ใช้เป็นไฟหน้า LED เต็มระบบทั้งไฟสูงและไฟต่ำในโคม 6 เหลี่ยม อันเป็นเอกลักษณะของแบรนด์ LAMBRETTA อีกทั้งยังมีการใส่ชื่อของแบรนด์เอาไว้ที่ภายในโคมไฟหน้าด้วย ส่วนตัวไฟเลี้ยวแบบ LED ติดตั้งอยู่ที่ด้านข้างของชุดหน้าตัวรถ มาพร้อมกับโลโก้ของแบรนด์ และชื่อรุ่นรถติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าด้วยเช่นกัน
กระจกมองข้าง เป็นสีดำกึ่งเงากึ่งด้าน ช่วยเพิ่มความเท่ให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี
ส่วนบริเวณกึ่งกลางด้านหน้า จะมีลักษณะเป็นโป่งยื่นออกมา และมีช่องเล็กๆ อยู่ด้านล่าง ซึ่งในนั้นจะเป็นที่อยู่ของแตร หรือที่ชาวแลมเบรตติสต้ามักเรียกว่าจมูกหมู
ช่วงล่าง ใช้ช่วงล่างแบบดับเบิ้ลอาร์มลิ้งค์ สามารถปรับพรีโหลดได้ 7 ระดับ ชุดเดียวกับรุ่นพี่ X300 SR 2024 ซึ่งช่วงล่างแบบนี้มีจุดเด่นตรงที่ทำให้รถทรงตัวบนความเร็วสูงได้ดี ด้านระบบเบรกก็จัดเต็มด้วยดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมปั้มเบรก 2 พอต และ ABS ป้องกันล้อล็อก ส่วนล้อใช้เป็นล้ออัลลอยขนาด 12 นิ้ว รัดยางขนาด 120/70 R12 ชนิดไม่มียางในจาก IRC
เรือนไมล์ถูกออกแบบให้มีความร่วมสมัยแต่แฝงด้วยเทคโนโลยีได้อย่างกลมกล่อม โดยใช้เป็นเรือนไมล์ทั้งแบบเข็มและดิจิตอลผสมกันภายในกรอบไมล์ทรง 4 เหลี่ยมดีไซน์คลาสสิก
ด้านบน จะเป็นมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ โดยมี Redline อยู่ที่ 8,000 รอบ/นาที ส่วนด้านล่างจะเป็นหน้าจอดิจิตอล บอกข้อมูลการขับขี่อื่นๆ ครบครัน ทั้งมาตรวัดความเร็ว, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, นาฬิกา, จับทริป, มาตรวัดแรงดันแบตเตอรี่ เป็นต้น
ประกับแฮนด์ซ้าย ประกอบด้วยปุ่มเปิด/ปิดไฟสูง ไฟเลี้ยว และแตร
ประกันแฮนด์ขวา ประกอบด้วยปุ่มควบคุมเมนูบนเรือนไมล์, ปุ่มไฟฉุกเฉิน และปุ่มติดเครื่องยนต์
ด้านซ้าย ใต้แฮนด์ สามารถเปิดออกมาได้ โดยจะเป็นช่องเติมน้ำหล่อเย็นของตัวรถ มาพร้อมช่องเสียบ USB-C สำหรับใช้ชาร์จมือถือ ซึ่งจ่ายไฟได้มากถึง 3A ด้วยกัน
ระบบกุญแจ เป็นกุญแจแบบคีย์เลสมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมทุกระบบของตัวรถที่บริเวณนี้ จะเปิด/ปิดรถ, ล็อกรถ, เปิดเบาะ ก็ที่ตรงนี้เลย
ครีปด้านข้างของตัวรถ เป็นตำแหน่งของหม้อน้ำที่ติดตั้งอยู่ภายใน ซึ่งมีพัดลมหม้อน้ำมาให้ถึง 2 ตำแหน่งด้วยกัน
เบาะนั่ง เป็นเบาะนั่งตอนเดียว ความสูงจากพื้นอยู่ที่ 790 มม. ผู้ขับขี่มีความสูง 168 ซม. สามารถวางเท้าลงพื้นได้ทั้ง 2 ข้าง
ใต้เบาะนั่ง มีพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระ สามารถเก็บหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบได้ ส่วนด้านหลังจะเป็นตำแหน่งของถังน้ำมัน ความจุอยู่ที่ 7.5 ลิตร
พื้นที่วางเท้าเป็นแบบฟลอบอร์ด ขึ้น-ลงรถได้ง่าย และควบคุมรถได้ง่าย
ไฟท้าย ถือเป็นส่วนที่โดดเด่นมากๆ ของรถคันนี้ ด้วยดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครในท้องตลาด ดูมีความพรีเมี่ยมเหนือระดับด้วยรูปทรงแท่งคริสตัลที่มีการเพิ่มชั้นด้วยการซ้อมโคมด้านนอกอีกชั้น ตัวไฟเป็นไฟ LED เต็มระบบ มาพร้อมกับระบบ IFS (Integrate-Function Signals) ที่ออกแบบให้ทั้ง ไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก build-in อยู่ภายใต้โคมไฟท้ายเดียวกัน
เครื่องยนต์
ตอบโจทย์ความต้องการแก่ผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความนุ่มนวล ด้วยเครื่องยนต์ LSP (Lambretta Super Performance) ขนาด 184.7 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 18.3 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.5 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ CVT ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ทำความเร็วยืนพื้นช่วง 110 กม./ชม. ได้แบบสบายๆ
ทดลองขับ Lambretta X200
ในส่วนของการทดสอบขับขี่ เราทำการทดสอบขับขี่ในเมืองเป็นหลัก เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของรถว่าใช้งานจริงเป็นอย่างไร สิ่งที่สัมผัสได้นั่นคือเรื่องของลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์ที่มีความนุ่มนวลสูงในทุกย่านความเร็ว ตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงความเร็วปลาย มอบอัตราเร่งที่นุ่มนวล ไม่มีอาการพุ่งหรือกระชากออกมาให้เห็น ส่งผลให้การขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ทำได้อย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะจังหวะที่เราหักแฮนด์รถจนสุด และเปิดคันเร่งต่อ ด้วยความนุ่มนวลของเครื่องยนต์ ทำให้ไม่มีอาการพุ่งออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าใครชอบขับรถนุ่มๆ ไปเรื่อยๆ ตัวนี้ตอบโจทย์มาก
ชุดช่วงล่าง ให้มาจัดเต็มเหมือนกับรุ่นพี่ทุกประการ ซับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม และยังมอบความนุ่มนวลที่เพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนระบบเบรกถือว่าทำมาได้ดี ระยะเบรกสั้น มั่นใจได้
การควบคุมรถยังคงทำได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้เราสามารถพารถคันนี้ลัดเลาะไปยังเส้นทางต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
Lambretta X200 2024 เหมาะกับใคร
โดยสรุปแล้ว เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหารถสกู๊ตเตอร์ทรงพรีเมี่ยมคลาสสิกที่เน้นเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่ โดยเฉพาะมือใหม่ที่กำลังมองหารถมอเตอร์ไซค์สักคันที่ต้องได้ทั้งเรื่องของการใช้งานและรูปลักษณ์ที่สวยงาม รถคันนี้ตอบโจทย์ กับราคาจำหน่ายที่ 134,900 บาท มาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพยาวนาน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร
สนใจ คำนวณตารางผ่อนชำระ Lambretta ได้ที่ https://lambretta.co.th/finance/
สนใจจองรถ Lambretta X200 ได้ที่ https://booking.lambretta.co.th/